ก่อนที่จะเริ่มลงทุนอสังหาใดๆโดยเฉพาะคอนโดมือหนึ่ง คุณจำเป็นจะต้องมีความเข้าใจและชัดเจนในวัตถุประสงค์ในการลงทุนเสียก่อน เพราะหากคุณไม่เข้าใจและไม่มีความชัดเจน อาจทำให้การลงทุนผิดพลาดหรือไม่เป็นไปตามที่คิดไว้ได้ ซึ่งวิธีที่ทางเรานำมาแนะนำกันในวันนี้อาจจะตรงกับนักลงทุนอสังหามืออาชีพบางคนที่ชอบลงทุนกับคอนโดมือหนึ่งก็ได้ ก่อนอื่นเลยเรามาดูวัตถุประสงค์ของการลงทุนกันก่อนดีกว่า
ลงทุนแบบต้องการส่วนต่างของราคาสูง (Capital gain)
ถ้าคุณมีวัตถุประสงค์การลงทุนแบบนี้ คุณต้องเลือกคอนโดในกรุงเทพฯ ที่อยู่ในเขต CBD (Central Business District) หรือก็คือ ย่านธุรกิจที่เป็นหัวใจสำคัญของเมือง เป็นทั้งแหล่งงานเป็นแหล่งช้อปปิ้ง แหล่งโรงแรมระดับ 5 ดาว อย่างสีลม สุขุมวิท พญาไท และจะต้องเป็นคอนโด Freehold หรือ คอนโดที่ผู้ซื้อสามารถถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินคือเป็นเจ้าของคอนโดและที่ดินตรงบริเวณนั้นร่วมกับผู้ซื้อคนอื่นๆเท่านั้น คอนโดในย่านดังกล่าวนี้ความต้องการสูงมากในปัจจุบัน เป็นที่ต้องการทั้งต่างชาติและคนไทยที่ต้องการอาศัยในเขต CBD บวกกับที่ดินเปล่าในปัจจุบันเริ่มเหลือน้อย จึงทำให้ราคาคอนโดเพิ่มสูงขึ้นได้อีก โดยภาพรวมราคาคอนโดในกรุงเทพฯยังถือว่าต่ำเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างสิงค์โปร์ ฮ่องกง ยิ่งรถไฟฟ้ามีเพิ่มขึ้นมากเท่าไหร่ การเดินทางสู่ใจกลางเมืองยิ่งสะดวก ก็เท่ากับยิ่งเพิ่มมูลค่าให้กับราคาคอนโดในย่านนี้แบบไม่ต้องสงสัย
ลงทุนแบบต้องการความสม่ำเสมอของค่าเช่าและผลตอบแทนสูง (Yield)
ถ้าคุณมีวัตถุประสงค์การลงทุนแบบนี้ คุณต้องเลือกคอนโดที่ราคาไม่สูงมาก หรือไม่ก็เป็นมือสองไปเลย เพราะต้นทุนในการเป็นเจ้าของ ตกแต่งห้อง ค่าส่วนกลางจะไม่แพง ให้คุณเลือกโครงการที่อยู่ใกล้แหล่งงาน นิคมอุตสาหกรรม สถานศึกษาชื่อดัง ห้างสรรพสินค้า อยู่ในรัศมีใกล้รถไฟฟ้าไม่เกิน 1 กม. หรือไม่ก็ตั้งอยู่ใจกลางแหล่งชุมชนที่มีคนหนาแน่นไปเลย แต่ทำเลที่อยู่ในแหล่งชุมชนที่คนหนาแน่นแบบนี้คุณจะต้องศึกษาพื้นที่ให้ดีก่อนลงทุนอสังหาใดๆเพราะเดิมจะมีเจ้าถิ่นผู้ประกอบการอพาร์เมนต์อยู่หลายแห่งอยู่แล้ว ซึ่งราคาก็ไม่แพงนั่นอาจทำให้การลงทุนของคุณเกิดความผิดพลาดได้เหมือนกัน
แล้วจะเลือกทำเลที่ใช่ในความเสี่ยงต่ำให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์การลงทุนได้อย่างไร
เมื่อคุณเข้าใจดีแล้วว่าวัตถุประสงค์ที่แท้จริงในการลงทุนอสังหาของคุณเป็นแบบใด คำแนะนำของเราก็คือ อย่าเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งจนสุดโต่งเกินไป จริงอยู่ว่าความชัดเจนในตัวเองทำให้นักลงทุนอสังหามากมายประสบความสำเร็จมาแล้ว แต่ในปัจจุบันเราอาจใช้สูตรสำเร็จนั้นไม่ได้อีกต่อไป สำหรับเราขอแนะนำให้คุณเลือกทั้งสองทาง คือมีทั้งแนวโน้ม Capital gain นับจากวันที่เปิดขายและก็ต้องได้ค่าเช่าผลตอบแทนที่ไม่ต่ำกว่า 5% ด้วย แต่ไม่จำเป็นต้องเทน้ำหนักให้เท่ากัน คุณอาจจะหนักไปทางข้างใดข้างหนึ่งใน 2 วัตถุประสงค์นี้ก็ได้ จากคำแนะนำนี้คุณจะเห็นว่าไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ให้คุณลองหาทำเลที่ใช่ตามคำแนะนำของเราดูก่อน แล้วคุณจะรู้ว่าจริงๆแล้ว “มันเป็นไปได้” สูตรเป็นดังนี้
ให้คุณปักหมุดลงบนแผนที่บริเวณที่คุณจะลงทุนคอนโดเอาไว้ จากจุดที่ปักหมุดให้คุณลากเส้นวงกลมรัศมี 2 กม.รอบคอนโด ซึ่งในวงล้อมรอบรัศมีนี้ในพื้นที่จะต้องมี
- สถานีรถไฟฟ้ามากกว่า 1 สถานี
- ห้างขนาดใหญ่
- อาคารสูงที่เป็นโรงแรม ออฟฟิศ และต้องนับได้เกิน 10 ตึก
- สถานทูต – สถานกงสุล
- สวนสาธารณะหรือพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่
- สถานศึกษารัฐ เอกชน โรงเรียนนานาชาติ
- สรรพากรเขต
- โรงพยาบาลเอกชน
- จุดขึ้นลงทางด่วน
หากมีได้ตรงตามนี้ 2 ใน 3 ก็ถือว่าใช้ได้ ราคาสูงสักหน่อยแต่ก็ไม่มาก สำหรับความเสี่ยงแล้วก็ยังพอมี แต่ถ้ามีครบหมดเลยก็ต้องบอกว่านั่นคือสุดยอดทำเลระดับ 5 ดาว ที่สามารถพยากรณ์อนาคตได้เลยว่าที่ดินจะราคาสูงขึ้นอีก และคนจะแห่กันมาซื้อในไม่ช้า ราคาสูงกว่าแต่ความเสี่ยงก็ต่ำกว่าอย่างเห้นได้ชัดเช่นกัน ซึ่งหากคุณได้ทดลองใช้สูตรการหาทำเลคอนโดมือหนึ่งในกรุงเทพฯ คุณจะพบว่า ที่เข้าข่ายตามสูตรนี้มีอยู่เพียง 3 โซนเท่านั้น คือ
เพลินจิต – สุขุมวิท | สีลม – สาธร | รัชดา – พระราม 9 |
แค่ 3 โซนนี้ก็มีโครงการคอนโดใหม่ๆให้นักลงทุนอสังหาได้ลองศึกษาและร่วมลงทุนกันจนซื้อไม่หมดกันเลยทีเดียว นี่ล่ะเคล็ดลับการลงทุนอสังหาดีๆที่เรานำมาฝากกันในครั้งนี้