ในตอนที่แล้ว เราได้กล่าวถึงวิธีการการต่อยอดธุรกิจอสังหา ไปสู่การเป็น SME ด้วยการจัดตั้งองค์กรธุรกิจขนาดเล็กแบบห้างหุ้นส่วนกันไปแล้ว แต่นอกจากหากหุ้นส่วนแล้ว ถ้าธุรกิจที่คุณต่อยอดก้ำกึ่งระหว่างเล็กกับกลาง และคุณก็มีอาคารพาณิชย์ถือครองอยู่ด้วย คุณสามารถเลือกที่จะจัดตั้งองค์กรธุรกิจอีกแบบหนึ่งแทนก็ได้ นั่นคือ ประเภทบริษัท ซึ่งเป็นที่นิยมโดยทั่วไป แต่ใครที่คิดจะตั้งบริษัทก็ต้องรู้ก่อนว่าเขาตั้งกันยังไงและมีองค์ประกอบอะไรบ้างถึงจะตังเป็นบริษัทได้ ครั้งนี้เราจะมาบอกกัน ตามดูกันเลยดีกว่า
บริษัทจำกัด คืออะไรและเป็นยังไง
บริษัทจำกัด เป็นรูปแบบองค์กรธุรกิจประเภทหนึ่งซึ่งจะจัดตั้งได้ต้องมีผู้ร่วมลงทุนอย่างน้อยที่สุด 3 คนขึ้นไป โดยจะต้องมีการแบ่งทุนเป็นหุ้น มีมูลค่าเท่าๆกัน ผู้ถือหุ้นต่างรับผิดชอบจำกัดเพียงไม่เกินจำนวนเงินตนที่ลงเป็นหุ้นที่ถือไว้ บริษัทจำกัดจะมีรูปแบบการก่อตั้งในลักษณะที่เป็นนิติบุคคลเท่านั้น เอาง่ายๆก็คือ สมมติว่าคุณกับเพื่อนอีก 2 คนต้องการจะทำธุรกิจร่วมกันในรูปแบบบริษัท คุณก็จะต้องลงทุนกันทั้ง 3 คน ซึ่งเงินที่แต่ละคนนำมาลงทุนนั้นจะถือเป็นการถือหุ้น อย่างเช่นคุณลงทุนครึ่งหนึ่ง 50% ส่วนเพื่อนทั้งสองลงทุนกันคนละ 25% นั่นเท่ากับว่าคุณถือหุ้นใหญ่คือครึ่งหนึ่งของทั้งหมดนั้นเอง ซึ่งเมื่อตกลงเรื่องการถือหุ้นกันได้แล้วก็ต้องเข้าชื่อกันทำหนังสือบริคณห์สนธิขึ้น(หนังสือที่แสดงเจตจำนงในการขอจัดตั้งบริษัท)แล้วก็ไปจดทะเบียนก่อตั้งบริษัทเป็นนิติบุคคลนั่นเอง อย่างที่เรียนให้ทราบ แม้ว่าคุณเคยเป็นนักลงทุนในธุรกิจอสังหามาก่อน แต่ไม่จำเป็นเลยที่คุณจะต้องเปิดบริษัทแล้วทำธุรกิจอสังหาต่อ คุณสามารถดำเนินธุรกิจในแนวอื่นได้โดยที่คุณก็สามารถทำธุรกิจอสังหาควบคู่แบบส่วนตัวกันไปก็ได้
บริษัทจำกัดมีการจำกัดความรับผิดชอบอย่างไร
สำหรับบริษัทจำกัดนั้น ค่อนข้างชัดเจนอยู่ในตัวเองอยู่แล้วสำหรับการจำกัดความรับผิดชอบในกรณีเกิดหนี้สินกับบริษัท คือ ใครถือหุ้นเท่าไหร่ก็รับผิดชอบไปตามหุ้นที่ถืออยู่ ใครถือหุ้นมากหากเกิดหนี้สินก็ต้องรับผิดชอบมาก ใครที่ถือหุ้นน้อยหากเกิดหนี้สินก็รับผิดชอบน้อยนั่นเอง
บริษัทจำกัดเสียภาษีเยอะไหม
ตามกฎหมายระบุไว้ว่า ลักษณะรูปแบบองค์กรธุรกิจแบบบริษัทจำกัดจะเสียภาษีในอัตราร้อยละ 30 ของกำไรสุทธิ แต่ถ้าเป็น SME ภาษีก็จะถูกลง อยู่ที่ร้อยละ 15 – 30 เท่านั้น อันนี้ในกรณีที่คุณทำธุรกิจอื่นๆที่ไม่ใช่ธุรกิจอสังหา แต่ถ้าหากบริษัททำธุรกิจอสังหา ก็ต้องดูว่าบริษัทเป็นผู้ซื้อหรือผู้ชาย เพราะกรณีบริษัทซื้อมาก็จะต้องมีค่าธรรมเนียม 2% แต่เมื่อซื้อมาแล้วจะขายไปก็จะต้องเสียค่าใช้จ่ายส่วนอื่นๆด้วยค่าธรรมเนียม ค่าอากร ภาษีธุรกิจเฉพาะ รวมถึงภาษีหัก ณ ที่จ่าย
บริษัทจำกัดจะแบ่งปันผลกำไรขาดทุนกันอย่างไรดี
เรื่องนี้คิดง่ายมากเลย ผลกำไรต่างๆก็คิดในในทำนองเดียวกันกับหนี้สิน คือ ใครถือหุ้นมากก็ได้มาก ใครถือหุ้นน้อยก็ได้น้อย แบ่งสันปันส่วนกันไปตามจำนวนหุ้นที่แต่ละคนถืออยู่นั่นเอง
จุดเด่นของการตั้งเป็นบริษัทจำกัดมีอะไรบ้าง
1.สามารถระดมทุนได้ เนื่องจากบริษัทถูกก่อขึ้นโดยจำนวนคนตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป นั่นหมายความว่าข้อจำกัดในเรื่องเงินทุนที่เป็นปัญหาสำหรับธุรกิจที่มีเจ้าของแต่เพียงคนเดียวจะถูกขจัดออกไป หากจัดตั้งบริษัทเพื่อทำธุรกิจอสังหา การระดมทุนยิ่งจำเป็นเพราะ ต้นทุนในธุรกิจสูง ผู้ประกอบการสามารถออกหุ้นจำหน่ายเพิ่ม หรือจัดหากู้ยืมจากสถาบันการเงินอื่นๆก็ได้และค่อนข้างที่จะได้รับความเชื่อถือจากสถาบันการเงินด้วย
2.จำกัดความรับผิดชอบ ภาระหนี้สินที่เกิดขึ้นกับบริษัทจะถูกจำกัดโดยจำนวนหุ้นที่คุณถือและไม่เกินในส่วนที่ยังชำระค่าหุ้นไม่ครบ
3.มีภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือ เนื่องจากมีกฎหมายเป็นตัวควบคุมและถูกวางกรอบขณะดำเนินธุรกิจอยู่ตลอดเวลา จึงทำให้คนภายนอกไว้วางใจ “บริษัทจำกัด” มากกว่าองค์กรธุรกิจประเภทอื่น
4.มีความยืดหยุ่นเรื่องของระยะเวลาในการดำเนินกิจการ ซึ่งตรงนี้ก็ขึ้นอยู่กับอายุของผู้ถือหุ้นนั่นเอง เพราะผู้ถือหุ้นสามารถโอนหรือขายหุ้นให้ผู้ใดก็ได้โดยไม่ต้องขอความเห็นชอบจากบริษัทก่อน
5.สามารถระดมผู้ที่มีความรู้ความชำนาญจากหลายสาขาเข้ามาช่วยได้
แล้วจุดด้อยของบริษัทจำกัดล่ะ มีไหม
1. ผู้ประกอบการจำเป็นต้องมีความรู้เรื่องกฎหมาย เพราะขั้นตอนการจัดตั้งบริษัทจำกัดนั้นมีขั้นตอนทางกฎหมายที่ยุ่งยากซับซ้อน ยิ่งทำธุรกิจอสังหา เกี่ยวกับอาคารพาณิชย์ด้วยก็จะยิ่งซับซ้อน
2.สุ่มเสี่ยงต่อปัญหาในเรื่องของความยุติธรรม บางครั้งผู้ที่ทำงานมากที่สุดในธุรกิจนั้น อาจไม่ใช่ผู้ที่ถือหุ้นเยอะที่สุด แต่ต้องแบ่งรายได้ทุกอย่างตามสัดส่วนของหุ้นที่ตนเองเป็นเจ้าของจึงอาจเกิดความไม่ยุติธรรมขึ้นในธุรกิจนั้นๆ
3.รักษาความลับได้ยาก เพราะรูปแบบบริษัทจำกัดต้องมีการเปิดเผยข้อมูลให้ผู้ถือหุ้นและบุคคลภายนอกรับทราบเพื่อความโปร่งใส จึงทำให้หากต้องการรักษาความลับบางอย่างจึงทำไม่ได้
4.ต้องยุ่งยากกับการจัดทำบัญชี บริษัทจำกัดต้องส่งงบทางการเงินตามกฎหมายไปยังสำนักทะเบียนพาณิชย์เพื่อเปิดเผยต่อสาธารณชน ดังนั้นจึงต้องเสียเงินจ้างบริษัทบัญชีมาตรวจสอบ
5.ยุ่งยากเรื่องภาษี แม้ว่าบริษัทจำกัดจะเสียภาษีไม่สูงมากในบางธุรกิจก็ตาม แต่ก็ต้องมีการเสียภาษีซ้ำซ้อน เพราะบริษัทจะต้องเสียภาษีนิติบุคคลรอบนึงก่อน ส่วนผู้ถือหุ้นในบริษัทที่เป็นบุคคลธรรมดาก็ต้องเสียภาษีบุคคลธรรมดาด้วยอีกครั้ง
ทั้งหมดนี้คือแนวทางการต่อยอดธุรกิจอสังหา ให้ไปสู่การสร้างธุรกิจต่อไปในแบบ SME แบบยั่งยืน เป็นแนวทางให้คุณเข้าสู่ธุรกิจอื่นได้อย่างมั่นคง เราขอเป็นกำลังใจให้กับคนที่จะทำธุรกิจทุกคนและเราพร้อมที่จะส่งต่อความรู้ดีๆ เป็นประโยชน์ต่อนักธุรกิจรุ่นใหม่เช่นคุณเสมอ อย่าลืมนะว่า “ธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ เริ่มต้นจากความเข้าใจที่ถูกต้อง”