Adobe ได้เปิดเผยผลวิจัยCreative Pulse research 2017 อันเป็นงานวิจัยล่าสุดว่า เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์(AI) ยังไม่อาจเข้ามาแทนที่ความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ได้ แต่จะเข้ามาช่วยต่อยอดไอเดียและช่วยเสริมการทำงานเท่านั้นยังไม่ถึงขั้นที่จะเข้ามาทดแทนมนุษย์ทั้งหมด

     จากการที่เทรนด์ของโลกกำลังเปลี่ยนฉากเข้าสู่โหมด Experience Business หรือ ธุรกิจที่มุ้งเน้นให้ความสำคัญกับประสบการณ์พิเศษอันน่าประทับใจแก่ลูกค้า มากกว่าการขายสินค้าและบริการโดยทั่วไป ทำให้เรื่องของการออกแบบ เรื่องของการ Creative การคิดที่สร้างสรรค์กลายเป็นปัจจัยสำคัญต่อการทำธุรกิจยุคใหม่ ที่จะเพิ่มโอกาสทางการแข่งขันจนถึงขนาดก้าวไปเป็นผู้นำในสายธุรกิจของตนเอง ด้วยแนวโน้มและเทรนด์ของโลกมีการเปลี่ยนแปลงไปเช่นนี้จึงเป็นเหตุผลให้ทาง Adobe ลงมือทำวิจัยโดยเข้าไปสำรวจความคิดเห็นของบุคลากรด้าน Creative และการตลาดกว่า 5,000 คน และตรวจสอบพฤติกรรมการทำงานด้านการออกแบบและการมีความคิดสร้างสรรค์ในการปฏิรูปธุรกิจทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (APAC) อันมีหลายๆประเทศที่ได้ลองสุ่มสำรวจได้แก่ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อินเดีย เกาหลี ฮ่องกง ไต้หวัน จีน และประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

     จากการสำรวจ Adobe ได้ข้อมูลที่น่าสนใจว่า ปัจจัยที่ช่วยให้การทำงานของชุมชนคน Creative ขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้อย่างต่อเนื่องนั้น ไม่ใช่แค่เรื่องเทคโนโลยีออนไลน์เท่านั้น แต่ปัจจัยเนื้อหาข้อมูลและวิธีการทำงานแบบออฟไลน์ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ยังคงช่วยการทำงานและความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆเกิดขึ้นอยู่เสมอ ดังนั้น ทั้งปัจจัยออนไลน์และออฟไลน์ ล้วนมีผลต่อกระบวนการคิดกระบวนการสร้างสรรค์งานทั้งสิ้น ยังไม่สามารถยึดสิ่งหนึ่งสิ่งใดเพียงอย่างเดียวได้

adobe_creative_pulse      ต้องยอมรับว่าในตอนนี้ Experience Business ไม่ว่าจะเป็นแบบออนไลน์หรือออฟไลน์ก็ตามล้วนถูกผลักดันด้วยเทคโนโลยีใหม่ อย่างเทคโนโลยี Virtual Reality (VR) และ Augmented Reality (AR) และยังตามมาด้วยการผลักดันจากเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์(AI)อีกหนึ่งชั้นจนทำให้ตอนนี้เกิดกระแสความหวั่นไหวของผู้คนไม่น้อยว่า สักวันหนึ่ง AI จะเข้ามาทำงานแทนมนุษย์ แต่งานวิจัย Creative Pulse research 2017 ระบุว่า ผู้ตอบแบบสอบถามในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกครึ่งหนึ่งไม่ได้รู้สึกกังวลใจใดๆในเรื่องที่ AI จะเข้ามาทำงานแทนมนุษย์ แต่ในด้านเอเชียนตะวันออกเฉียงใต้ทางฝั่งบ้านเรา 64% กลับรู้สึกกังวลใจเกี่ยวกับผลกระทบของเทคโนโลยีอันล้ำหน้าเหล่านี้ และในจำนวนนี้มีถึง 22 % เลยทีเดียวที่กังวลใจกับปัญหาการเข้ามาแทนที่ของเทคโนโลยี

     อย่างไรก็ดีจากงานวิจัยนี้ก็ได้ข้อสรุปว่า เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์(AI) ในขณะนี้ยังมีความสามารถในการทำงานในกระบวนการทำงานซ้ำๆอย่างอัตโนมัติเท่านั้น เทคโนโลยีใหม่เหล่านี้ไม่ได้เข้ามาแทนที่บทบาทของการคิดสร้างสรรค์ แต่เพียงเข้ามาช่วยเพิ่มความคล่องตัวให้กับกระบวนการผลิตด้าน Creative ช่วยให้บุคลากรด้าน Creative มีเวลาไปทุ่มเทสร้างสรรค์และการพัฒนาต่อยอดไอเดียได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากขึ้น แม้ว่าเทรนด์ธุรกิจของโลกจะปรับเข้าสู่ยุค Experience Business มากขึ้นเรื่อยๆก็ตาม แต่อย่างไรเรื่องของการถ่ายโอนประสบการณ์นั้น ไม่ใช่เรื่องที่จะใช้ได้กับแพลตฟอร์มดิจิตอลเท่านั้น แต่จุดเริ่มต้นที่สำคัญก่อนที่จะไปถึงกระบวนการนั้นล้วนเกิดขึ้นจากพลังของการออกแบบและความคิดสร้างสรรค์ที่ดีเยี่ยมของมนุษย์ทั้งสิ้น ดังนั้นเทคโนโลยีอันล้ำหน้ากับความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ยังคงต้องเดินคู่กันต่อไปโดยไม่มีใครเหนือกว่าใคร หรือใครจะมาทดแทนกันได้