HIGHLIGHTS:

  • “ชีวิต” ไม่ใช่เรื่องของโชคชะตา แม้เราจะเลือกเกิดในสภาพแวดล้อมและบริบทที่ดีที่สุดได้ แต่เราสามารถเลือกที่จะก้าวออกจากสภาพแวดล้อมที่ร้ายๆได้ แล้วเหตุใดเราถึงไม่ทำมันล่ะ โชคชะตาไม่ได้ควบคุมเรา แต่เราต่างหากที่ควบคุมโชคชะตาของตนเอง
  • “ปาฏิหาริย์” ไม่ใช่สิ่งที่ต้องรอและไม่ใช่สิ่งที่ต้องไปขอจากใคร แต่เป็นสิ่งที่คุณต้องสร้างมันขึ้นมาเอง แค่คุณเปลี่ยนทัศนคติ เปลี่ยนความคิดและมุมมองของคุณแค่เพียง 1 องศา “ปาฏิหาริย์” ก็อยู่ตรงหน้าคุณแล้ว

ผู้เขียนจำได้ว่าครั้งแรกที่ได้เห็นตัวอย่างรายการ “Let Me In Thailand” จากช่อง Workpointในความรู้สึกส่วนตัวได้บ่นกับตัวเองว่า “รายการแบบนี้ใครจะดูวะ” เพราะตอนนั้นคิดว่าเรื่องของการศัลยกรรมนั้นน่าจะเป็นเรื่องของความสวยความงามที่ดูจะไม่มีสาระใดๆให้นำมาปรับใช้กับชีวิตประจำวันได้เลย และอีกอย่างการเล่นกับปมด้อยของคนอื่นไม่น่าจะใช่เรื่องที่ควรทำ แต่หลังจากที่รายการนี้ออกอากาศไปปรากฎว่าเรตติ้งกระฉูด ผู้เขียนจึงลองเปิดใจดูบ้าง พอได้มีโอกาสดู “Let Me In Thailand”  Ep.1 ของ season 2 (เขาฉายไปตั้ง season แล้ว แต่ผู้เขียนเพิ่งจะเริ่มมีมาดู) มุมมองที่ผู้เขียนมีต่อรายการนี้ก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

ทบทวนถึงความหมายของชีวิต

     เป็นความจริงแท้ที่ว่ามนุษย์ไม่สามารถเลือกเกิดได้ บางคนเปรียบเหมือนเซลส์ผิวชั้นเยี่ยมของเหล่าทวยเทพที่ได้รับการบำรุงดูแลจากเครื่องสำอางแบรนด์ดังชั้นดีแล้วก็ขัดถูกอย่างทนุถนอมก่อนที่จะเนรมิตส่งให้มาเกิดเป็นมนุษย์ในสภาพแวดล้อมที่เพียบพร้อมจนใครๆต่างพากันอิจฉา บางคนกลับตรงกันข้ามเปรียบเสมือนเซลส์ผิวหนังที่ตายแล้วหรือขี้ไคลของเหล่าทวยเทพที่พวกเขาอย่างสลัดทิ้งไปให้ไกลๆก่อนจะเสกสรรปั้นแต่งให้เกิดและเติบโตมาเป็นมนุษย์เช่นกันแต่กลับมาอยู่ในสภาพแวดล้อมที่อาภัพไร้วาสนา ณ ตอนนั้นคงดูเหมือนโชคดีหรือโชคร้ายของมนุษย์ถูกกำหนดไว้แล้วครึ่งหนึ่ง แต่ประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาก็พิสูจน์แล้วว่าไม่ได้เป็นเช่นนั้นเสมอไป แม้บางคนจะเกิดมาในครอบครัวที่ยากจนมาก เรียกว่าตลอดมาแทบไม่มีโอกาสใดๆในสังคมเลย สังคมและโลกแทบไม่เคยนับเขาเป็นส่วนหนึ่งด้วยซ้ำ แต่คุณเชื่อไหมว่าคนแบบนี้ก็ประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่ในฐานะศิลปิน นักการเมือง หรือนักธุรกิจได้เช่นกัน ซึ่งก็มีอยู่หลายคนทีเดียว เรียกว่ายกตัวอย่างกันไม่หวาดไม่ไหว ในขณะที่บางคนเกิดมาในครอบครัวที่เพียบพร้อม มีอิสระทุกอย่าง กลับมือเปื้อนเลือด ชีวิตตกต่ำและวันสุดท้ายของชีวิตต้องจบลงแบบไม่ต่างอะไรกับสุนัขข้างถนน

     เป็นคุณูปการอย่างยิ่งที่ธรรมชาติสรรค์สร้างความไม่เท่าเทียมเพื่อสร้างสรรค์ความหลากหลายให้แก่โลก ความแตกต่างของชีวิตมนุษย์แบบสุดขั้วนี้สิ่งสะท้อนอะไรบางอย่างและทำให้เรารู้สึกเหมือนได้ทบทวนถึงความหมายของชีวิต ว่าพวกเราเกิดมาเพียงเพื่อก้มหน้ายอมรับชะตากรรมอันเลวร้ายที่เกิดขึ้นกับตัวเองอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง หรือสามารถพยายามทำอะไรสักอย่างเพื่อเปลี่ยนโชคชะตาอันเลวร้ายนั้นให้กลายเป็นดีได้

“โชค”และ “ปาฏิหาริย์” สิ่งที่ทุกคนพร้อมจะเชื่อ แม้ว่าจะไม่มีใครเคยเห็น

    หากจะว่าไปแล้วเรื่องของ “โชค” ก็เปรียบเหมือนเรื่องของ “ดวงวิญญาณ” ทุกคนรู้สึกได้รางๆว่ามี แต่ไม่เคยมีใครเห็นมันจริงๆ “โชค”และ “ปาฏิหาริย์” เป็นคำที่ใครๆก็ต้องการให้ตัวเองได้พบเจอ แม้ว่าคำ 2 คำนี้จะใช้ในบริบทที่ใกล้เคียงกันได้ แต่จริงๆ แล้วก็มีความแตกต่างกัน “โชค” เป็นสิ่งที่เราไม่อาจกำหนดและควบคุมได้ อาจเป็นโชคดีหรือร้ายก็ได้ใครจะรู้ แต่ “ปาฏิหาริย์” เป็นสิ่งที่คุณสร้างมันขึ้นมาได้ “ปาฏิหาริย์” ต้องอาศัย “โชค” ส่วนหนึ่ง แต่อีกครึ่งคุณสร้างและปั้นแต่งขึ้นมาเองได้ รายการ “Let Me In Thailand” ได้สะท้อนทัศนคตินี้ให้ออกมาเป็นรูปธรรมได้อย่างเด่นชัด เราไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่า หน้าที่การงาน ความรัก สถานะความเชื่อมั่นทางสังคม ที่เราขอใช้คำว่า “โอกาสทางสังคม” ทั้งหมดนี้ ความสวยงามและความสมบูรณ์ของรูปร่างหน้าตามีผลต่อสิ่งที่กล่าวมานี้อย่างยิ่ง การมีบุคลิกภาพที่ดีนอกจากจะทำให้เกิดความมั่นใจในตนเองแล้ว “โอกาสทางสังคม” ก็จะเข้ามาในชีวิตอย่างมากมายอีกด้วย

     คุณเป็นคนหนึ่งไหมเวลาไปอยู่ในที่สาธารณะบางแห่งแล้วถูกมองด้วยสายตาที่ไม่สู้ดี ออกแนวไม่ไว้วางใจ กลัว หรือรู้สึกขยะแขยง จนคุณรู้สึกได้ ต่อสายตาและความรู้สึกในแง่ลบเหล่านั้น คุณเคยไหมที่ไปยื่นใบสมัครประกวดอะไรสักอย่างแล้วเขาปฏิเสธคุณเพราะเรื่องของบุคลิกภาพ เคยไหมไปสมัครงานแล้วไม่ได้งานเพราะคุณไม่สวยไม่หล่อ เคยไหมที่ไปติดต่อลูกค้าแล้วลูกค้าไม่เพียงแม้แต่จะมองหน้าคุณ ขอให้เขาซื้ออย่างไรเขาก็ไม่ซื้อ กลับกันไปซื้อของขอให้เขาลดราคาให้อย่างไรเขาก็ใจแข็งไม่ยอมลดราคาให้แม้แต่บาทเดียว แต่พอลูกค้าอีกคนมาซื้อของชิ้นเดียวกันแต่สวยกว่าหล่อกว่า เจ้าของร้านกลับยอมลดราคาให้

     สิ่งเหล่านี้บางคนมองเป็นเรื่องของ “โชค” อาจจะคิดว่าตัวเองโชคร้าย เพราะเรื่องของรูปร่างหน้าตาผิวพรรณพ่อแม่ให้มาแบบนี้ไม่ใช่เรื่องที่จะไปแก้ไขปรับเปลี่ยนกันได้ง่าย แต่ “Let Me In Thailand” กลับทำให้สิ่งที่คนคิดว่าเป็นเรื่อง “โชคร้าย” กลับกลายเป็น “ปาฏิหาริย์” ที่พลิกชีวิต แต่สิ่งสำคัญไม่ได้อยู่ที่รูปแบบรายการ พิธีกร หรือความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีการแพทย์ หัวใจสำคัญที่อยากชวนให้สนใจต่อรายการนี้ก็คือ กระบวนการตัดสินใจของผู้ร่วมรายการ คนที่มาร่วมรายการไม่ใช่คนที่ชอบทำศัลยกรรมหรือเสพติดการศัลยกรรมแบบสาวๆหรือหนุ่มๆทั่วไป แต่ทุกคนกลับเป็นคนที่ต้องเผชิญกับโชคร้ายในชีวิตที่บางทีไม่ได้อยากให้เกิดแต่ก็เกิดขึ้นกับตนเอง บางคนเจอโชคร้ายมาตั้งแต่เกิดเลยด้วยซ้ำ แต่คนเหล่านี้ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา พวกเธอและเขาเหล่านี้ลุกขึ้นมา “เตะตัวเองให้ออกจากโชคร้าย” ไม่เอาแต่นั่งรอ “ปาฏิหาริย์” ไม่งอมืองอเท้ารอโอกาสจากคนอื่น แต่กลับลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อสร้าง “ปาฏิหาริย์” ให้เกิดขึ้นกับตนเอง จากคนที่ต้องรอกำลังใจและโอกาสจากผู้อื่น กลายเป็นคนใหม่ที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับคนอื่น ว้าว ไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ

“ดี” และ “ร้าย” ก็แค่คนละด้านของเหรียญ

     เรื่องของ “โชค” และ “ดวง” ดูเหมือนว่าแทบไม่มีวันไหนที่สิ่งเหล่านี้จะหายไปจากความคิดของเราเลย คุณเคยไหมในตอนเช้าขณะที่คุณขึ้นไปบนรถไฟฟ้าจะโดยสารไปทำงานที่บริษัท คุณได้พบกับคนที่คุณแอบชอบ ที่เจอกันบนรถไฟฟ้าทุกวัน แต่ไม่มีโอกาสได้เข้าไปทักหรือคุยกันสักครั้ง แต่วันนี้เขาหรือเธอคนนั้นกลับเข้ามาทักคุณและพูดคุยกับคุณเอง โอ ว้าว “โคตรโชคดี” คุณคงรู้สึกแบบนั้นใช่ไหม แต่ทว่าพอไปถึงที่ทำงาน งานที่คุณส่งลูกค้าไปเมื่อวานเกิดผิดพลาด ลูกค้าโทรมาต่อว่า 1 รอบ แถมยังโดนหัวหน้าสวดซ้ำไปอีก 1 รอบ คุณเจอ 2 เหตุการณ์ที่ให้อารมณ์ความรู้สึกที่ต่างกันอย่างสุดขั้วแบบนี้ ถ้าให้คะแนนคุณจะให้คะแนนวันนั้นเป็นบวกหรือลบล่ะ บางคนอาจจะพบเจอเรื่องที่แย่หนักกว่านั้นรู้สึกไม่สบายไปหาหมอ หมอตรวจแล้วก็บอกเรื่องที่สะเทือนใจอย่างยิ่งว่า

“คุณเป็นมะเร็ง”

ซึม เศร้าและดิ่งลึกในห้วงอารมณ์แห่งความขมขื่นทันทีที่ได้ยิน แต่…

อีกครึ่งชั่วโมงต่อมาหลังจากคุณหมอได้วินิจฉัยเพิ่มอย่างละเอียด และบอกคุณอีกครั้งว่า

“มะเร็งที่คุณเป็นแค่เพียงระยะเริ่มต้น สามารถรักษาให้หายได้”

ความรู้สึกของคุณจะเปลี่ยนไปอีกครั้งทันที คุณจะรู้สึกโชคดีอย่างไม่น่าเชื่อ โชคดีหรือโชคร้ายก็เหมือนคนละด้านของเหรียญ เกี่ยวร้อยพันกันเหมือนเชือกหนึ่งเส้น เรื่องคิดว่าร้ายกลับกลายเป็นดี เรื่องที่ดีบางทีก็เป็นต้นตอของเรื่องร้าย ดังนั้น อยู่ที่คุณแล้วล่ะว่า คุณจะมองสิ่งที่คุณเป็น สิ่งที่คุณพบเจอและสิ่งที่คุณได้รับมันอย่างไร แล้วกล้าพอไหมที่จะก้าวออกมาจากสิ่งร้ายๆ ที่ทำลายชีวิตคุณ เราทุกคนก็เป็นคนเหมือนกัน เริ่มต้นอาจแตกต่างกันบ้าง แต่จุดหมายปลายทางก็ไปที่เดียวกันหมด แล้วจะกลัวอะไรล่ะ ลุกขึ้นมาทำในสิ่งที่ดีต่อตนเองดีกว่า ยังมีอีกหลายคนที่รอแรงบันดาลใจจากคุณอยู่นะ

     พบกับรายการ “Let Me In Thailand” season 3 รายการที่จะสร้างแรงบันดาลใจในการกล้าที่จะก้าวออกไปใช้ชีวิตอย่างมั่นใจได้ทุกวันอาทิตย์ทางช่องWorkpoint เริ่มปรากฎการณ์ความสวยในวันอาทิตย์ที่ 19 พฤศจิกายนนี้ 21.15 น. ห้ามพลาด