จากเหตุการณ์เรือล่มที่จังหวัดภูเก็ตเมื่อหลายเดือนก่อน บวกกับสงครามการค้าจีนกับสหรัฐอเมริกา ส่งผลกระทบทำให้นักท่องเที่ยวจีนในไทยลดลงอย่าน่าใจหาย ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวต่างพากันบ่นหนักขึ้นๆจนกลายเป็นประเด็นดราม่ามาเป็นเดือนๆบางส่วนได้รับผลกระทบชัดเจน และบางส่วนเริ่มที่จะได้รับผลกระทบบ้างเล็กน้อย แต่ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวส่วนใหญ่เริ่มหวั่นใจว่านี่จะลุกลามกลายเป็น “วิกฤตธุรกิจท่องเที่ยว” เพราะการท่องเที่ยวในวันนี้ล้วนอิงอาศัยนักท่องเที่ยวจีนเป็นหลักใหญ่
วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กลับมีความเห็นต่างในเรื่องดังกล่าวและชี้ว่าสถานการณ์นักท่องเที่ยวจีนลดลงที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้ยังไม่ใช่วิกฤตธุรกิจท่องเที่ยว แต่เขาก็ยอมรับว่านักท่องเที่ยวจีนมีหายไปบ้างช่วงหนึ่ง ซึ่งในขณะนี้เริ่มทยอยกลับมาท่องเที่ยวในไทยเราอีกครั้งแล้ว หากมามองที่ตัวเลขก็อาจเป็นสิ่งที่ช่วยยืนยันได้ว่าการท่องเที่ยวของไทยเรายังถือว่าแข็งแรงอยู่ โดยเฉพาะตลาดจีน ยอดนักท่องเที่ยวจีน 10 เดือนแรกของปีนี้ยังเติบโต 10% ในตลาดอื่นโตขึ้น 20-25% อย่างฮ่องกงก็โต 15% ไต้หวันขยายตัว 12% เรียกว่าตลาดนักท่องเที่ยวที่ใช้ภาษาจีนยังโตอยู่
เหตุการณ์เรือล่มที่ภูเก็ตถือเป็นเหตุการณ์รุนแรงที่มีชาวจีนเสียชีวิตนอกประเทศเกือบ 50 ชีวิต สูงเป็นอันดับที่สองในประวัติศาสตร์ เป็นรองจากเหตุการณ์ช็อกโลกที่เครื่องบิน MH370 ของมาเลเซียแอร์ไลน์หายไปจากน่านฟ้าอย่างไม่มีวันหวนกลับ และเหตุการเรือล่มนี้มีผลกระทบกับภาพลักษณ์ของประเทศไทยและการท่องเที่ยวไทยไม่น้อย รัฐบาลจีนพยายามเร่งรัดหาคำตอบจากฝั่งรัฐบาลไทย ว่าเกิดเหตุอะไรขึ้น สาเหตุมาจากไหนและใครจะต้องรับผิดชอบ นั่นเป็นสิ่งที่รัฐบาลไทยอาจจะต้องแก้ผ้าเอาหน้ารอดไปก่อน แต่หลังจากนั้นไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลไหนที่เข้ามาคงจะต้องรื้อระบบการดูแลรักษาความปลอดภัยของการท่องเที่ยวไทยให้เข้มแข็งและดีขึ้นกว่านี้ให้ได้ ไม่อย่างนั้นก็คงจะมีเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นซ้ำสองอีกแน่นอน
สิ่งที่น่าสนใจสำหรับคนที่คิดจะเข้าสู่ธุรกิจท่องเที่ยวและตีตลาดนักท่องเที่ยวจีนก็คือ จะต้องรู้ช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวของคนจีน เพราะกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนจะมีช่วงไฮซีซันและโลว์ซีซันที่ไม่ตรงกับประเทศตะวันตก หลังจากเดือนตุลาคมของทุกปี จะไม่ใช่เทศกาลท่องเที่ยวของจีนแล้ว ซึ่งแตกต่างจากชาวตะวันตกที่เดินทางท่องเที่ยวช่วงเทศกาลคริสต์มาส นักท่องเที่ยวจีนจะเริ่มกลับมาท่องเที่ยวอีกครั้งในเดือนกุมภาพันธ์ ช่วงเทศกาลตรุษจีนของทุกปี และขยายตัวต่อเนื่องไปจนสิ้นไตรมาส 3 ซึ่งตรงนี้ถือว่าเป็นวัฏจักรการท่องเที่ยวของคนจีน
มาดูประะเด็นดราม่ากันบ้าง ในโซเชียลกลุ่มที่เกี่ยวกับธุรกิจท่องเที่ยวนั้นมีการพูดถึงกันมากว่า นักท่องเที่ยวจีนไปเยอะมากในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา จนคาดกันว่าอีกไม่ช้าจะเกิดวิกฤตธุรกิจท่องเที่ยวขึ้น นี่เป็นประะเด็นที่ถูกกล่าวกันมากจนทำให้คนที่อยู่ในวงการนี้เริ่มกังวลว่ามันจะเป็นจริง แต่ตรงนี้ วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬากลับมองว่าเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน โดยกล่าวว่า
กลุ่มนักท่องเที่ยวจีนที่หายไปนั้นเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษและเลือกเดินทางกับกรุ๊ปทัวร์ ซึ่งกลุ่มนี้มีรายได้เฉลี่ยต่ำกว่า 2 หมื่นเหรียญสหรัฐ หรือราว 6.6 แสนบาทต่อปี ซึ่งกลุ่มนี้ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายหลักของธุรกิจท่องเที่ยวไทย
วีระศักดิ์ ชี้ว่ากลุ่มนักท่องเที่ยวจีนดังกล่าวอาจจะลดลงจริง แต่กลุ่ม FIT (Free Independent Travelers) ที่เดินทางท่องเที่ยวเองกำลังเติบโตอย่างมาก ซึ่งกลุ่มนี้เป็นคนจีนมีฐานะ รายได้เฉลี่ยสูงกว่า 2 หมื่นเหรียญสหรัฐ และการท่องเที่ยวของคนจีนกลุ่มนี้มีประโยชน์ต่อประเทศไทยมากกว่ากลุ่มนักท่องเที่ยวจีนที่หายไป คนกลุ่มหลังนี้เที่ยวอย่างสุภาพและมีวินัยไม่สร้างปัญหาให้กับแหล่งท่องเที่ยวของไทย
สำหรับยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวปี 62 ของทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ก็คือ พยายามเปลี่ยน “กระจุก” ให้ “กระจาย” ไม่ให้การท่องเที่ยวกระจุกตัวอยู่ในบางจังหวัด แต่พยายามกระจายการท่องเที่ยวให้ไปอยู่ที่เมืองรองให้มากขึ้น โดยทางการท่องเที่ยวจะพยายามเร่งสิ่งอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยว ทั้งเรื่องของนสนามบินตามหัวเมืองต่างๆ ที่จะสอดคล้องไปกับรถไฟรางคู่ที่รัฐบาลพยายามเร่งสร้างอยู่ และจะเน้นการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพมากกว่าปริมาณ ให้นักท่องเที่ยวหันมาเที่ยวเชิงกีฬา เที่ยวกับครอบครัว หรือทำกิจกรรมพิเศษต่างๆ ซึ่งสิ่งที่น่าสนใจและเป็นจุดขายใหม่ในตอนนี้ก็คือ การท่องเที่ยวเชิงกีฬา ขณะนี้จะพบว่า เราจัดงานวิ่งและปั่นจักรยานปีละ 600 ครั้ง มีสัดส่วนชาวต่างชาติโตขึ้นเรื่อยๆ บางกิจกรรมมีคนต่างประเทศถึง 30% งานวิ่งมาราธอนบางงานเขาก็ลงทุนบินตรงเพื่อมาวิ่ง จึงทำให้เรื่องนี้เข้าถึงที่ประชุมคณะรัฐมนตรีแล้วว่าจะผลักดันเป็นยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวใหม่ของไทย
สถานที่ท่องเที่ยวของไทยในหลายๆจังหวัดเมืองรองนั้นมีเสน่ห์ซ่อนอยู่อีกมาก เอาแค่ในกรุงเทพฯ ที่ดีเดียวถ้ามองกันให้ดี มีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจไม่น้อย อย่างคนส่วนใหญ่จะรู้จักแต่เยาวราช เอานักท่องเที่ยวมาลงเยาวราช แต่ใครจะรู้บ้างว่า บึงกุ่ม ศรีย่าน ฝั่งธนบุรี บางเขน ก็มีร้านอร่อยแหล่งท่องเที่ยวเด็ดอีกมาก เรียกว่าแหล่งท่องเที่ยวในไทยยังมีอีกหลายจุดที่สามารถผลักดันให้เกิดการกระตุ้นการท่องเที่ยวและกลายเป็นผลพวงเชิงบวกต่อเศรษฐกิจและชุมชนได้ เอาล่ะ ตอนนี้ถึงเวลามองการท่องเที่ยวไทยในมุมมองใหม่ ๆกันได้แล้วนะ