บ้านเรารู้สึกยินดีกับการได้เป็นประเทศท่องเที่ยว แต่สำหรับญี่ปุ่นแล้วพวกเขาไม่ค่อยแฮปปี้นัก เขารู้สึกว่าการเข้ามาของคนต่างชาติเพื่อท่องเที่ยว สร้างปัญหาให้กับญี่ปุ่นมากกว่า แต่ก็มีบางส่วนที่เห็นต่างออกไป
ทำไมใครๆก็ไปญี่ปุ่น
แต่ไหนแต่ไรมา คนต่างก็ทราบดีว่า ญี่ปุ่นมีสินค้าส่งออกที่แตกต่างไม่เหมือนใคร นั่นคือ การส่งออก ‘วัฒนธรรม’ ญี่ปุ่นใส่ความเป็นญี่ปุ่นลงไปในทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นสินค้าที่จับต้องได้หรือไม่ได้ ทุกสิ่งแฝงวัฒนะรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของญี่ปุ่นไว้อย่างลึกซึ้งและแนบเนียน นั่นจึงเป็นเสน่ห์อันเป็นธรรมชาติ ที่ไม่ว่าคนชาติไหนได้ไปสัมผัสแล้วก็จะรู้สึกหลงใหล อีกทั้งบ้านเมืองที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายที่แตกต่างไปซ้ำใคร ความสวยงามความเป็นธรรมชาติแบบญี่ปุ่นก็จูงใจให้คนหลงใหลได้ไม่ยากเลย ทั้งบ้านเรือน สถานที่ท่องเที่ยว วิถีชีวิต ไลฟ์สไตล์แบบอะนิเมะ ทุกอย่างเรียกว่าเป็นไม้เด็ดที่ทำให้ผู้คนแห่กันไปเที่ยวญี่ปุ่นเมื่อมีโอกาส และดูเหมือนอีกไม่นานรัฐบาลญี่ปุ่นจะผลักดันให้ ‘คาสิโน’ เป็นสิ่งถูกกฎหมายในญี่ปุ่นด้วย นั่นจะยิ่งทำให้คนแห่แหนไปเที่ยวญี่ปุ่น รวมถึงไปแสวงโชคที่ญี่ปุ่นกันมากขึ้นอีกด้วย สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นจุดที่ดึงดูดให้ใครๆก็พากันไปเที่ยวญี่ปุ่น แบบไม่ต้องมีเหตุผลอะไรมากมาย
การท่องเที่ยวญี่ปุ่น สร้างปัญหาให้กับคนญี่ปุ่น
หลายคนอาจไม่เชื่อว่า จริงๆแล้วคนญี่ปุ่นไม่ค่อยแฮปปี้กับการเป็นประเทศท่องเที่ยวสักเท่าไหร่ คนญี่ปุ่นเองนั้นพวกเขาไม่เคยคิดเลยด้วยซ้ำว่าประเทศตนเองเป็นเมืองท่องเที่ยว หรือมีความต้องการที่จะเปิดประเทศให้เป็นเมืองท่องเที่ยว เมื่อความไม่แฮปปี้เกิดขึ้น จึงทำให้ระยะหลังๆสื่อญี่ปุ่นนำคำว่า ‘มลพิษนักท่องเที่ยว’ ขึ้นมาใช้บ่อยขึ้น บ่อยจนคนญี่ปุ่นรู้สึกว่านี่ไม่ใช่แค่คำพูด แต่นี่คือปัญหาระดับชาติของญี่ปุ่น ประชาชนคนญี่ปุ่นต่างมีความคิดเห็นที่ตรงกันว่า ญี่ปุ่นเป็นประเทศเล็กๆที่ไม่ได้มีศักยภาพมากพอที่จะรองรับปริมาณนักท่องเที่ยวจำนวนมากได้อย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพ แม้ว่าการเปิดเป็นประเทศท่องเที่ยวจะทำรายได้เข้าประเทศมากมายเพียงไรก็ตาม แต่สุดท้ายแล้วปัญหาที่เกิดขึ้นจากการท่องเที่ยวจะนำมาสู่ทางตันของคนญี่ปุ่นเองในที่สุด และเป็นผลเสียมากกว่าผลดี
มาซารุ ทาคายามะ ประชาชนพลเมืองแห่งโตเกียว และเขาก็เป็นคนทำธุรกิจท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ด้วย ได้กล่าวว่า ปัจจุบันเกียวโตเป็นเมืองหนึ่งมีนักท่องเที่ยวทะลักเข้าไปจำนวนมาก แต่สิ่งเหล่านี้ได้สร้างความไม่พอใจให้กับชาวเมืองโตเกียว เพราะชาวเมืองรู้สึกว่าทุกอย่างถูกรบกวนและเบียดบังจากกลุ่มนักท่องเที่ยวไปเสียหมด ตั้งแต่พื้นที่ทางเดิน รถบัส ร้านอาหาร การจับจ่ายที่ไม่สะดวกรวดเร็วเหมือนเมื่อก่อน อย่าง เวลาจะโดยสารรถบัสไปไหน ก็แทบจะไปไม่ได้ เพราะรถบัสแต่ละคันมีแต่นักท่องเที่ยวจำนวนมากขึ้นไป ทำให้บางทีก็ไม่มีที่นั่ง หรือแม้กระทั่งจะยืนยังไม่มีที่จับเลย นี่ยังไม่รวมร้านอาหารท้องถิ่น ที่ปกติชาวเมืองสามารถเข้าไปรับประทานได้ตามแต่ใจต้องการ แต่เดี๋ยวนี้คนในเมืองจะไปกินต้องจองก่อนล่วงหน้า และที่สำคัญไปกว่านั้น ‘มารยาท’ คนญี่ปุ่นมองว่านักท่องเที่ยวต่างชาติหลายๆชาติ ไม่มีมารยาทและความเกรงอกเกรงใจ คิดจะส่งเสียงดังทำลายความสงบก็ทำ คิดจะกินก็กินจะทิ้งก็ทิ้ง สิ่งเหล่านี้เข้าไปทำลายวิถีแห่งชาวเมืองญี่ปุ่นทีละน้อย จนเริ่มกระทบคุณภาพชีวิตของคนญี่ปุ่นเข้าไปทุกที
แนวการแก้ปัญหามลพิษนักท่องเที่ยวของญี่ปุ่น
ข้างต้นนั้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งในความคิดที่ว่า ญี่ปุ่นกำลังประสบปัญหามลพิษนักท่องเที่ยวที่เข้ามาทำลายญี่ปุ่น หนึ่งเสียงที่สะท้อนออกมาซึ่งความจริงแล้วคนญี่ปุ่นส่วนมากก็รู้สึกแบบนี้ แต่ก็มีความคิดอีกหนึ่งด้านที่อาจจะแตกต่างไปบ้าง ‘ทาคาโอะ อิคาดะ’ ผู้เชี่ยวชาญด้านการท่องเที่ยวของญี่ปุ่น ให้ความเห็นว่า ญี่ปุ่นประสบปัญหามลพิษนักท่องเที่ยวอยู่ก็จริง แต่นั่นคงไม่น่ากลัวเท่ากับการที่ญี่ปุ่นไม่มีนักท่องเที่ยวเลย อิคาดะเสนอทางออกหนึ่งในการแก้ปัญหามลพิษนักท่องเที่ยวไว้ว่า รัฐจำเป็นที่จะต้องกระจายเมืองท่องเที่ยว หากต้องการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว เพราะตอนนี้การท่องเที่ยวของญี่ปุ่นกระจุกตัว นักท่องเที่ยวจะแห่กันไปที่โตเกียว เกียวโต ภูเขาไฟฟูจิ และฮอกไกโดเท่านั้น อีกหลายๆเมืองในญี่ปุ่นคนยังไม่ค่อยสนใจ เพราะว่าความสะดวกสบายไม่เท่าจุดต่างๆดังกล่าว ซึ่งถ้ารัฐลงมาดูแลและกระจายการท่องเที่ยวออกไปมากกว่านี้ ปัญหามลพิษนักท่องเที่ยวก็จะทุเลาลงบ้าง
ในส่วนของรัฐบาลญี่ปุ่นเองก็มีแนวทางไว้เหมือนกันว่าจะเริ่มแก้ปัญหามลพิษนักท่องเที่ยวในญี่ปุ่น ซึ่งมาตรการจากทางภาครัฐดูจะเล่นใหญ่กว่า มีทั้งมาตรการต้อนรับนักท่องเที่ยวให้มากขึ้นด้วยการเปิดคาสิโนให้ถูกกฎหมาย รวมถึงมาตรการตั้งรับและแก้ไขอย่าง การเก็บ ‘ภาษีท่องเที่ยว’ ซึ่งแนวทางก็คือ เก็บจากนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวญี่ปุ่น ด้วยจะหักภาษีเป็นจำนวน 1,000 เยน ถ้านักท่องเที่ยวจะออกนอกประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเงินภาษีนี้ทางรัฐบาลญี่ปุ่นจะเอาไปพัฒนาการท่องเที่ยวในเมืองรองต่างๆ เพื่อกระจายนักท่องเที่ยวออกไปไม่ให้กระจุกตัว ซึ่งแนวคิดนี้น่าจะเป็นจริงเพราะมีแถลงการณ์ออกมาแล้วว่าจะเริ่มใช้ในปี 2019
ถ้ามองญี่ปุ่นแล้วกลับมามองไทยเรา ก็จะเห็นความต่างได้ชัดเจน ไทยเราเองก็รับรู้อยู่ว่าการท่องเที่ยวของบ้านเราก็มีปัญหาไม่แตกต่างจากญี่ปุ่นเท่าไหร่ แต่ดูเหมือนว่าเราจะทำเป็นมองไม่เห็นปัญหามลพิษนักท่องเที่ยวในไทยเสียมากกว่า บางเมืองของไทยเรา แทบจะเรียกได้ว่าเป็น ‘เขตเช่าของต่างชาติ’ ไปแล้ว บางโซนคนไทยจะเดินทางต้องเกรงใจนักท่องเที่ยวจีน ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ผู้ใหญ่ในบ้านเรา จะตระหนักและลองนำเรื่องเหล่านี้มาพิจารราหาทางออก ก่อนที่ทรัพยากรและวิถีชีวิตของคนไทยจะย่ำแย่มากไปกว่านี้