เว็บไซต์เดลี่เมล์ ได้มีรายงานความวิกฤตทางเศรษฐกิจในเวเนซุเอลา เพราะด้วยความยากจนข้นแค้นและความอดอยาก จนทำให้มีชาวบ้านจำนวนหนึ่งออกมาก่อม็อบและปล้นสะดมตามท้องถนนในหมู่บ้านชาวประมง พัลมาริโต เมืองเมอริดา ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเวเนซุเอลาเพื่อเป็นการประท้วงรัฐบาลที่ไม่สนใจใยดีปัญหาปากท้องของพวกเขาที่เป็นประชาชน

     โลกเรามักมีแต่เรื่องความไม่เท่าเทียม บางประเทศฟุ่มเฟือยฟุ้งเฟ้อไปกับเครื่องสำอางการประทินผิวจนกลายเป็นรายได้มหาศาลเข้าประเทศ แต่เมื่อมองไปอีกมุมหนึ่งของโลกกลับมีบางประเทศที่ผู้คนอดอยากขาดแคลนอาหาร กินก็ไม่อิ่มนอนก็นอนต้องทำงานอย่างหนักเพื่อให้มีรายได้ อย่างเหตุการณ์ที่เกิดในประเทศเวเนซุเอลานี้ ประชาชนหลายสิบคนต่างตะโกนป่าวร้องด้วยคำว่า “เราหิวโหย” และ “พวกเรากำลังได้รับความทุกข์ทรมาน” โดยตะโกนไปก็ยืนล้อมวัวอยู่กลางทุ่งนาไป เพื่อที่จะล้มวัวตัวนั้นเพื่อนำมาเป็นอาหาร พวกเขาใช้วิธีขวางปาก้อนหินและไม้ทุบตีจนวัวล้มลงไป จากนั้นก็จะทำการเชือดวัวให้ตายและค่อยตัดแบ่งเนื้อวัวส่วนต่างๆไปกินเพื่อประทังความหิว ซึ่งจากรายงานของสื่อท้องถิ่นที่มีการรวบรวมจากสถานการณ์ในที่ต่างๆที่มีเหตุการณ์คล้ายๆกันนี้กล่าวว่า มีวัวถูกฆ่าแบบนี้ไปราว 300 ตัวแล้ว

     ซึ่งเรื่องนี้สมาชิกสภาฝ่ายค้านของเวเนซุเอลาอย่างนายคาร์สอล ปาปาโรนี ก็ออกมาให้ทัศนะและความเห็นใจกับฝ่ายประชาชน เป็นเชิงเรียกร้องต่อรัฐบาลของเวเนซุเอลาด้วยเช่นกัน

     ชาวเวเนซุเอลาหลายคนนั้นสิ้นหวังและกำลังเผชิญกับความขาดแคลนอดอยาก การดำเนินนโยบายทางการเมืองแบบนี้ของผู้นำไม่ใช่ทางออกที่ดีของประเทศ และยิ่งประชาชนเกิดความกดดันและออกมาทำแบบนี้ก็ยิ่งทำให้ผลผลิตของชาติเสียหายมากขึ้น คนก็จะอดอยากขาดแคลนมากขึ้น มีวัวถูกฆ่าไป 300 ตัวแล้ว และนี้ยังไม่รวมก่อนหน้านี้ที่มีคนตายจากการประท้วง 4 ราย และบาดเจ็บอีก 10 คน

     นอกจากนั้นยังมีความเห็นของนายซูเลย์ อูร์ดาเนตา สัตวแพทย์และเกษตรกรจากหมู่บ้านตูคานี ที่อยู่ในเหตุการณ์เผยว่า ซูเปอร์มาร์เก็ตที่เป็นของรัฐบาลถูกชาวบ้านปล้นสะดมไปหมด ประชาชนมุ่งหน้าไปยังพื้นที่ที่เป็นศูนย์กลางของการทำงานของภาครัฐและพวกเขาก็เริ่มโห่ร้องก่อความเสียหาย และขโมยของใช้จำเป็น นอกจากนี้ ยังมีประชาชนบางคนจี้รถบรรทุกตามทางหลวง การประท้วงรุนแรงขึ้นมีคนราว 800 คนเข้ามาร่วมประท้วงพวกเขาปล้นเพื่อรวบรวมอาหาร ฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจและกองกำลังความมั่นคงแห่งชาติพยายามเข้าควบคุมสถานการณ์ ซึ่งพวกเขาก็พยายามใช้วิธีที่ละมุนละม่อม เจรจาและนำของส่วนหนึ่งมาแจกจ่ายให้ประชาชน

     ตลอดเวลา 4 ปีที่ผ่านมาประเทศเวเนซุเอลาภายใต้การบริหารประเทศของประธานาธิบดีนายนิโคลัส มาดูโรแบบรัฐบาลสังคมนิยม ทำให้เศรษฐกิจของเวเนซุเอลาถดถอยลงเรื่อยจนถึงขั้นประสบภาวะอัตราเงินเฟ้อสูงที่สุดในโลก ชาวบ้านหลายล้านคนเข้าสู่ภาวะความอดอยาก และตลอดเวลาก่อตัวของประชาชนที่ได้รับความทุกข์ร้อนก็ค่อยๆเพิ่มกำลังขึ้นทีละน้อย จนทวีความรุนแรง แต่ทว่าเป็นที่น่าแปลกใจก็คือประชาชนที่อยู่ในเมืองหลวงกลับไม่ได้ผลกระทบกับภาวะเศรษฐกิจที่เลวร้ายนี้มากนัก แต่ประชาชนรากหญ้ากลับต้องทุกข์ทรมานมากกว่า ซึ่งสะท้อนได้จากก่อนหน้าที่เหตุการณ์ประท้วงจะรุนแรงขึ้นนั้น รัฐบาลของเวเนซุเอลาได้มีนโยบายเอาใจคนเมือง ด้วยการบังคับซูเปอร์มาร์เก็ต 200 แห่งให้ควบคุมราคาสินค้า จนถึงขั้นสินค้าบางชนิดต้องลดราคาจากเดิม แต่ก็นั่นแหละคนเมืองสามารถเข้าถึงสินค้าเหล่านี้ได้ก่อน เพราะซูเปอร์มาร์เก็ตนั้นล้วนอยู่ในเมือง ทำให้ประชาชนรากหญ้าหรืออยู่ในที่ห่างไกลไม่สามารถมีโอกาสเข้าถึงสวัสดิการของรัฐได้เลย จึงนำมาซึ่งความทุกข์ร้อนดังกล่าวนั่นเอง

     หากจะหันมามองกับสถานการณ์ในประเทศไทยในขณะนี้ ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยต่างกันนัก ประชาชนอย่างท่านทั้งหลายก็คงจะรู้ถึงสถานการณ์ทางการเงินและภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยเราขณะนี้ได้ดี กิจการการค้าของพวกท่านทั้งหลายเป็นอย่างไร ดีหรือไม่ คงไม่ต้องสาธยาย หลายๆธุรกิจเริ่มลำบาก ประชาชนบางส่วนเริ่มตกงาน ค้าขายก็ขายไม่ดี บางคนขายของอยู่ดีๆถูกเวรคืนที่ทำกินอีกด้วย เข้าตำรา “รวยกระจุก จนกระจาย” จริงๆคงถึงเวลาแล้วที่ผู้นำประเทศต้องหันมามองประชาชนกันบ้าง เพราะหน้าที่ของท่านคือการทำให้ “ประชาชนอยู่ดีมีสุข” ไม่ใช่จ่อมจมอยู่กับความทุกข์แบบไม่มีทางออกแบบนี้ เพราะถ้าปล่อยไว้นานประชาชนทนไม่ไหวเหตุการณ์เลวร้ายอย่างเวเนซุเอลาอาจเกิดขึ้นที่ประเทศไทยในไม่ช้า

ที่มา: dailymail