เรื่องของสิ่งแวดล้อมนั้น ปัจจุบันกำลังเป็นเทรนด์ที่โลกกำลังให้ความสนใจ หลายๆประเทศกำหนดเป็นนโยบายแห่งชาติอีกทั้งมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องด้วย สิ่งที่ชูประเด็นเช่นชัดที่สุดก็คงจะเป็นเรื่องอื่นใดไปไม่ได้ นอกเสียจากเรื่องของพลังงานทดแทน และในขณะนี้เมืองวิกตอเรีย ของออสเตรเลียก็เป็นเมืองหนึ่งที่สามารถผลิตพลังงานทดแทนขึ้นมาใช้ภายในเมืองของตัวเองได้อย่างเป็นรูปธรรมแล้ว และยังกำหนดแนวทางเพื่อพัฒนาพลังงานสะอาดที่จะนำมาใช้ภายในเมืองในอนาคตข้างหน้าในระยะยาวอีกด้วย

      Daniel Andrews ผู้ว่าการรัฐวิกตอเรีย ของออสเตรเลียได้มีการประกาศออกมาว่า ขณะนี้รัฐวิกตอเรียสามารถผลิตพลังงานทดแทนได้แล้ว โดยได้มีการตั้งเป้าระดับกลางไว้ว่าจะผลิตพลังงานทดแทนให้ได้ 25 % ให้ได้ภายในปี 2020 ส่วนแผนระยะยาวคือผลิตให้ได้ 40 % ภายในปี 2025 นอกจากนั้นยังตั้งเป้าที่จะปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงไป 16 % ภายในปี 2034 ด้วย

     โดยความเคลื่อนไหวครั้งนี้ของรัฐวิกตอเรีย ของออสเตรเลียสะท้อนความไม่เห็นด้วยที่สหรัฐอเมริกา ถอนตัวจากข้อตกลงสิ่งแวดล้อมปารีส(The Paris Agreement) ซึ่งไม่ใช่แค่รัฐวิกตอเรียเท่านั้นที่มีความตื่นตัวในเรื่องสิ่งแวดล้อม แต่รัฐใกล้เคียงที่อยู่ทางใต้อย่าง พอร์ทออกัสตา ก็ได้ประกาศแผนที่จะสร้างโรงงานผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่ใหญที่สุดแห่งหนึ่งของโลกด้วย

     ทั้งนี้ทางด้าน Lily D’Ambrosio รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานและสิ่งแวดล้อมได้กล่าวว่า การที่รัฐสามารถผลิตพลังงานทดแทนได้ แสดงให้เห็นถึงความมั่นคงและการเติบโตด้านพลังงาน อีกทั้งยังเพิ่มความเชื่อมั่นในการลงทุนในทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องพลังงานหมุนเวียน ทำให้นักลงทุนมีความกล้าและเชื่อมั่นที่จะมาลงทุนในด้านพลังงานทดแทนต่างๆซึ่งจะส่งผลดีต่อรัฐวิกตอเรียในอนาคตนั่นเอง

 

อ้างอิงจาก: theguardian