บริษัท Land Transport Authority และ Transit Link ของสิงคโปร์ ประกาศเตรียมขยายระบบขนส่งสาธารณะภายในประเทศ เปลี่ยนไปใช้ระบบไร้เงินสดอย่างเต็มรูปแบบภายในปี 2020 หลังจากทดสอบให้ผู้ใช้รถไฟฟ้าใต้ดิน ชำระค่าบริการด้วยบัตรเครดิต Mastercard เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งได้รับกระแสตอบรับอย่างดีจากประชาชน คนส่วนใหญ่จาก 1 แสนคนที่เข้าร่วมการทดสอบบอกว่า “การใช้บัตรเครดิตซื้อตั๋วโดยสารแทนเงินสด ช่วยลดเวลาในการแลกเงินลงไปเยอะมาก และทำให้การบริการในช่วงเวลาเร่งด่วนเร็วมากขึ้น” ส่งผลให้อัตราการใช้งานแบบไร้เงินสดเพิ่มขึ้นกว่า 70 % โดยสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน ที่จะเริ่มใช้ระบบไร้เงินสดอย่างเต็มรูปแบบจะมี 11 สถานีด้วยกันโดยจะเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2017 นี้เป็นต้นไป
ในวันชาติสิงคโปร์ 9 สิงหาคมที่ผ่านมานายกรัฐมนตรี Lee Hsien Loong ได้มีการกล่าวสุนทรพจน์โดยเน้นย้ำ 3 เรื่องคือการศึกษา สาธารณสุขเกี่ยวกับโรคเบาหวาน และการขับเคลื่อนประเทศให้เป็น Smart Nation ซึ่งในเนื้อหาของสุนทรพจน์นั้นนายLee Hsien Loong ได้กล่าวว่า ประชาชนของสิงคโปร์ 6 ใน 10 ยังคงยึดวิธีการใช้จ่ายแบบเก่า คือ ยังใช้เงินสดและเช็คอยู่ แต่ขณะที่จีนก้าวไปสู่สังคมไร้เงินสดแล้วระบบ e-payment ในจีนเป็นที่ยอมรับและใช้งานกันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน ซึ่งคนจีนส่วนใหญ่ใช้WeChat Pay และ AliPay ในการใช้จ่ายช้อปปิ้ง กินเที่ยวในชีวิตประจำวัน แม้ว่าทาง Visa Consumer Payment จะให้ข้อมูลว่า ผู้บริโภคและประชาชนชาวสิงคโปร์มีการใช้บริการ e-payments มากถึง 87% ซึ่งสูงที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่ถึงอย่างไร e-payments ในสิงคโปร์ก็ยังไม่เป็นที่ยอมรับอย่างเต็มที่ เพราะยังมีปัญหาการทำงานร่วมกับระบบอื่น ๆ จึงมีความตั้งใจว่าจะพัฒนาสิงคโปร์ให้กลายเป็นSmart Nation เป็นสังคมไร้เงินสดอย่างเต็มรูปแบบให้ได้
บริษัท Land Transport Authority และ Transit Link จึงขานรับนโยบายแห่งชาติSmart Nationนี้โดยเร็ว โดยจะให้ประชาชนใช้บัตร Mastercard แตะเข้ารถไฟฟ้าใต้ดินแทนที่จะแลกเงินสดเป็นตั๋วโดยสาร นอกจากนั้นยังเตรียมแผนปรับตู้จำหน่ายตั๋ว หรือตู้เติมเงินโดยสาร ไม่ให้รับเงินสดอีกต่อไป แต่จะรับเฉพาะบัตรเครดิตเท่านั้น และที่สำคัญทั้งสองบริษัทยังมีแผนที่จะร่วมมือกับทาง Apple pay และ Android pay เพิ่มเติมด้วยในปี 2019 เพื่อความสะดวกในการปรับประเทศให้เป็น Smart Nation ตามที่ตั้งเอาไว้
เครดิตภาพจาก: Google