น้องฝ้าย บุญธิดา ชินวงษ์ เธอทำให้เราทึ่งและบางทีก็อายเลยด้วยซ้ำ เพราะเธอไม่เคยยอมแพ้ต่อโชคชะตาที่นำพาร่างกายที่ไม่สมบูรณ์มาให้เธอตั้งแต่กำเนิด เธอสู้กับความขาดให้คนอย่างเราได้ทึ่ง เพราะคุณอาจจะไม่เชื่อว่าเธอคือช่างแต่งหน้า “เท้าฉมัง” ไม่คุณอ่านไม่ผิดหรอก ก็เพราะเธอใช้เท้าแต่งหน้าจริงๆ !!
น้องฝ้ายกลายเป็นเน็ตไอดอลไปแล้วในเวลานี้ ด้วยเพราะเธอมีสิ่งพิเศษ คนอื่นอาจจะมองว่าเธอดูน่าเวทนาสงสาร แต่เธอผู้นี้กลับคิดบวก เธอไม่มามัวนั่งเวทนาในโชคชะตาของตัวเอง น้องฝ้าย บุญธิดา ชินวงษ์ เธอเกิดมาไม่มีแขนทั้งสองข้าง และขาก็สั้นข้างยาวข้าง ขาขวาสั้น ขาซ้ายยาวปกติ มีปอดข้างเดียวและหลังคด ซึ่งปัญหาหลังคดนี่อันตรายที่สุดต่อชีวิตของเธอ เพราะด้วยกระดูกที่คดงอนี้พร้อมเสมอที่จะเบียดไปทิ่มปอดที่มีอยู่ข้างเดียวของเธอเมื่อไหร่ก็ได้ ซึ่งนั่นก็หมายถึงว่าอันตรายถึงชีวิต การใช้ชีวิตในแบบที่เป็นเธอนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยตลอดเวลาที่ผ่านมา พอเธออายุได้ 14 ปี ก็ต้องเข้าโรงพยาบาลตลอด เพราะมีปัญหาปอดติดเชื้อ ปอดอักเสบอยู่ตลอดเวลา คุณหมอแนะนำให้เธอผ่าตัดดามเหล็กที่หลังเพื่อที่จะค้ำยันกระดูกไว้ไม่ให้ทิ่มปอด ซึ่งคุณหมอมีทางเลือกให้เธอเพียง 2 ทางเท่านั้น ซึ่งถ้าเป็นเราๆท่านๆก็คงไม่มีใครอยากเลือกสักทาง เพราะทางเลือกแรก
- ผ่าตัดใส่เหล็กดามหลังต้องแลกมาด้วยความเสี่ยงในการผ่าตัดรวมถึงโอกาส 100 % ที่เธอจะต้องใช้ชีวิตแบบนอนอยู่บนเตียงไปตลอดชีวิต
- ไม่ผ่าตัด แต่จะใช้ชีวิตอยู่ได้เพียงไม่กี่ปี อาจจะอยู่ได้เพียงแค่ช่วงอายุ 16 – 17 ปีเท่านั้น
ถ้าเป็นคุณจะเลือกข้อไหน?
สำหรับน้องฝ้ายเธอขอเลือกข้อที่ 2 เลือกที่จะมีชีวิตที่เหลือทุกนาทีอย่างมีคุณค่ามีความหมายที่สุด เธอรู้ว่าการที่เธอเลือกแบบนี้มันอาจจะต้องทำให้เธอและครอบครัวพบความลำบากอีกมากมาย แต่ครอบครัวของเธอก็ไม่มีใครอยากเสียเธอไป และเธอเองก็อยากจะมีชีวิตอยู่อย่างมีคุณค่าที่สุดด้วย กุมภาพันธ์ 60 ที่ผ่านมาอาการเธอทรุดลงจากอาการทางปอดเช่นเดิม เธอหายใจไม่ออก ระหว่างเดินทางไปโรงพยาบาล เธอเอาเท้าจับสัมผัสมือกับแม่ตลอดเวลา ถ้าเธอมีมือเธอคงกุมมือของแม่อยู่ตลอดเวลา เธอทรมานมาก ทรมานจนถึงขั้นต้องเอ่ยปากกับแม่ว่า
“หนูไม่ไหวแล้วแม่”
แต่แล้วเธอก็ต่อสู้อีกครั้ง แพทย์สามารถช่วยชีวิตเธอไว้ได้ คุณลองคิดดูว่าชีวิตของครอบครัวเธอจะต้องเผชิญกับความทุกข์ขนาดไหน แต่ทุกข์โศกของครอบครัวเธอก็ยังไม่หมดเพียงแค่นั้น เพราะพ่อผู้เป็นเสาหลักก็ต้องมาป่วยลงอีกคน ทำให้ค่าใช้จ่ายในบ้านหมดไปกับการรักษาพยาบาลทั้งสองคน จนเหลือเงินประทังชีวิตกันแค่ไม่กี่ร้อยบาท ในตอนนั้นด้วยความจำเป็นอย่างขีดสุดน้องฝ้ายเธอสงสารแม่ของเธออย่างจับใจ เธอจึงคิดว่าเธอต้องทำอะไรสักอย่างหนึ่ง เธอต้องเข้มแข็งแม้ร่างกายเธอจะเป็นแบบนี้ เธอไม่มีแขนและขาก็พิการ แล้วเธอจะไปทำอะไรได้ อ่า…ใช่แล้ว แม้เธอจะไร้ซึ่งความสมบูรณ์ในอวัยวะแต่เธอก็ยังมีสมองที่สมบูรณ์อยู่นี่ เธอจึงคิดว่าจะทำอะไรดี
แล้วเธอก็คิดได้ว่าเธอเกิดมาในยุคดิจิตอล ทุกอย่างออนไลน์ถึงกันหมดแล้ว เธอจึงเลือกที่จะขายของออนไลน์ และประกอบที่ีเธอเป็นผู้หญิงแม้ร่างกายจะไม่สมบูรณ์เหมือนใครเขาแต่เธอก็ยังเป็นผู้หญิงที่รักสวยรักงามมีความสนใจในเรื่องการการแต่งหน้า เธอจึงเลือกที่จะขายเครื่องสำอางออนไลน์ เงินทุนเริ่มต้นเพียง 1,500บาท เธอก็อดทนจนสามารถเก็บเงินจากกำไรที่ขายได้เป็นเงิน 10,000
เมื่อเธอคลุกอยู่กับเรื่องของความสวยความงาม เครื่องสำอางและการแต่งหน้า เธอจึงค่อยๆพบว่าเธอสนใจและมี Passion เกี่ยวกับเรื่องของการแต่งหน้ามาก เธอฝึกฝนเรียนรู้และทดลองกับตนเอง ทุกท่านคงจะงงกันว่าเธอไม่มีแขนแล้วเธอแต่งหน้าได้อย่างไร ? …ก็เท้าของเธอน่ะสิ เธอใช้เท้าได้คล่องแคล่วราวกับคนที่มีแขนและมือปกติเลยทีเดียว เธอฝึกฝนการแต่งหน้าโดยใช้เท้าของเธออยู่พักใหญ่ๆ จากนั้นก็เริ่มทำคลิป “ใช้เท้าแต่งหน้า” ลงในโซเชียลมีเดีย เมื่อมีคนเห็นก็เริ่มมีการส่งต่อไปเรื่องย จนมีคนมาจ้างเธอทำรีวิวเครื่องสำอางและการแต่งหน้า ทำให้เธอมีรายได้เลี้ยงดูตัวเองและครอบครัว อย่างไม่เดือดร้อนอีกต่อไป ที่สำคัญสิ่งนี้เป็นการพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า แม้ร่างกายเธอจะไม่สมบูรณ์แต่เธอไม่เคยไร้ค่า เธอเห็นคุณค่าของการมีชีวิตและใช้มันทุกนาทีอย่างมีประโยชน์ที่สุด
ไม่น่าเชื่อว่าคนๆหนึ่งที่เกิดมาพร้อมกับความขาด จะสามารถเติมชีวิตตัวเองให้เต็มได้ ไม่มีใครเชื่อว่าเธอจะมีชีวิตรอดมาได้ด้วยซ้ำ วันนี้น้องฝ้ายมีอายุ 18 ปีเธอสร้างปาฏิหาริย์ให้เราได้เห็น และที่สำคัญเธอไม่เตียงเติมสิ่งที่ขาดในตัวเองให้เต็มได้ เธอยังกลับมาเติมพลังใจให้กับคนปกติที่ครบ 32 อย่างพวกเราได้อีกด้วย ใครที่ท้อแท้สิ้นหวัง ขอให้คุณจะมองไปที่เธอคนนี้ แล้วคุณจะพบว่าคุณมีทุกสิ่งมากมายเกินพอโดยที่คุณไม่รู้ตัวเลย
หนูอยากจะเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่กำลังคิดท้อ ฆ่าตัวตาย หรืออะไรก็แล้วแต่ คุณโชคดีกว่าหนูที่คุณเกิดมาครบ32 คุณโชคดีกว่าหนูที่คุณอยากไปไหนก็ไป กระโดดขึ้นรถเมล์ได้อยากไปไหนก็ไปได้ ในขณะที่หนู รถเมล์มาอยู่ตรงหน้าหนูอยากไปเที่ยวเหมือนเด็กคนอื่นๆ หนูกลับไปไม่ได้แบบเขา เพราะฉะนั้นขอให้ทุกคนสู้ๆแล้วก็รักชีวิตตัวเองให้มากๆนะคะ
ติดตามและให้กำลังใจเธอได้ที่ Buntida Chinnawong