เมื่อเทรนด์ของโลกหมุนเปลี่ยนไปเร็วเสียเหลือเกิน ทุกวงการก็พยายามก้าวไปให้ทันเทรนด์โลก ฉะนั้น วงการการศึกษาจะหยุดอยู่นิ่งได้อย่างไร งานนี้มหาวิทยาลัยสหรัฐอเมริกาหลายแห่งจึงพร้อมใจกันสนับสนุนไอเดียเก๋ ขอตั้งชื่อสาขาวิชาที่เปิดสอนแบบแปลกๆไปเสียเลยดีกว่า จะได้เข้าเทรนด์โลกกันเสียหน่อย
“ศิลปะแห่งการเดิน” หรือ “Art of Walking” นี่คือหนึ่งในชื่อสาขาวิชาแปลกๆที่ถูกตั้งขึ้นใน วิทยาลัย Centre College รัฐเคนตัคกี ที่เมืองแดนวิลล์ในสหรัฐ นี่คือสิ่งที่สะท้อนให้เห็นว่า สหรัฐอเมริกาไม่เคยหยุดนิ่งที่จะพัฒนาประเทศจริงๆ เทรนด์การศึกษามีการปรับตัวไปเรื่อยๆตามเทรนด์ของผู้คนที่เปลี่ยนไป ไม่ใช่ใช่ตำราเล่มเดิม แล้วนำมาสอนคนยุคใหม่ดังที่หลายๆประเทศเป็น คนยุคใหม่เกิดมาพร้อมโลกที่เปลี่ยนไป พวกเขาก็ควรจะได้เรียนรู้อะไรที่สอดคล้องกับโลกที่เขาต้องเติบโตขึ้นมา และถึงแม้จะเป็นเรื่องเก่าและโบราณคร่ำครึแค่ไหน ถ้าเราทำสิ่งนั้นๆให้มันดูใหม่และเข้าถึงง่ายกับคนยุคปัจจุบัน ก็น่าจะทำให้สิ่งเก่าๆเหล่านั้นมีคุณค่าขึ้นมาในสายตาของคนยุคใหม่นี้ คุณว่าอย่างนั้นไหม
University of Pennsylvania มหาวิทยาลัยชื่อดังอันดับต้นๆของสหรัฐ ก็ได้มีการเปิดสอน มีวิชาที่ชื่อว่า “Wasting Time on the Internet” หรือ “การเสียเวลาบนอินเตอร์เน็ต” วิทยาลัย Oberlin College ที่รัฐโอไฮโอ มีชื่อวิชา “How to Win a Beauty Pageant” หรือ “ทำอย่างไรเพื่อให้ได้เป็นนางงาม” George Washington University เปิดสอนวิชา “Japanese Swordmanship” หรือวิชาที่ว่าด้วยการเป็นนักดาบญี่ปุ่น
แค่เห็นรายชื่อวิชาที่เปิดสอนคุณก็รู้สึกว่าน่าสนใจ น่าค้นหาแล้วใช่ไหมล่ะ นี่คือเทคนิคการเชื่อมโยงระบบการศึกษาให้เข้าถึงคนรุ่นใหม่ เป็นการผูกโยงความคิดจากวิชาและศาสตร์แขนงต่างๆนำมาให้นักศึกษาได้เรียนรู้และปรับใช้ ซึ่งเป็นการบูรณาการที่ได้ผลอย่างแท้จริง ศาสตร์ความรู้เหล่านี้มีความจำเป็นต่อชีวิตประจำวันมากกว่าวิชาในกระแสหลักตามหลักสูตรในโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยมาก เพราะชีวิตประจำวันเราทุกคนต้องใช้ชีวิตในแต่ละวันอย่างมีทั้งศาสตร์และศิลป์ ไม่ได้ใช้แค่การคิดคำนวณ ไม่ได้ใช้แค่ความอาร์ต แต่ทุกอย่างต้องผสมปนเปกันอย่างลงตัว ถึงจะใช้ชีวิตได้อย่างสมดุล นี่นับเป็นแนวคิดที่ทำให้สิ่งที่จับต้องยาก เป็นสิ่งที่เข้าถึงง่ายขึ้น ทำให้สิ่งที่เด็กๆและเยาวชนเบื่อหน่ายกลายเป็นสิ่งที่กระตุ้นให้พวกเขาอย่างเรียนรู้และเดินเข้ามาหาคำตอบ ทำนองเด็กไม่ชอบกินผัก แต่ถ้ารู้จักนำผักไปชุบแป้งทอดให้กรอบๆหรือนำไปทำอย่างอื่นที่เด็กๆกินได้ง่ายขึ้น เด็กๆก็จะกินผักไปเอง
ย้อนกลับมามองระบบการศึกษาและเทรนด์การศึกษาในบ้านเรา ก็ให้ละเหี่ยใจเต็มที เพราะดูแล้วไม่มีท่าทีที่จะเดินทางไกลออกไปไหนเลย เทรนด์การศึกษาในระบบกระแสหลักของเราก็ยังเป็นแบบเดิมๆ รุ่นพ่อเรียนมาอย่างไร รุ่นลูกก็คงยังเรียนอยู่แบบนั้น มีเปลี่ยนเพียงกระดานดำเป็นไวท์บอร์ด เปลี่ยนจากชอร์กเป็นปากกาไวท์บอร์ดเท่านั้น และยิ่งเทรนด์การศึกษาในระบบกระแสรองที่ตอนนี้คนไทยเริ่มสับสนแล้วว่าเป็นกระแสรองหรือกระแสหลักอย่าง “การเรียนเสริมพิเศษ” ก็ดูไม่มีทีท่าว่าจะซบเซาลงเลย และแนวโน้มกลับตื่นตัวมากขึ้นในทุกๆวัน ผู้หลักผู้ใหญ่ที่ดูแลเรื่องการศึกษาในบ้านเรา ตื่นตัวกันหน่อยนะ อย่าหมกตัวอยู่กับไดโนเสาร์อยู่เลยนะท่าน โลกมันหมุนไปทุกวันนะ
ที่มา : voanews