มีรายงานจาก Alex Stamos ซึ่งเป็นหัวหน้าทีมดูแลด้านความปลอดภัยไซเบอร์ของ Facebook ออกมาว่า ปัจจุบัน Facebook ค่อนข้างหนักใจในเรื่องของบัญชีผู้ใช้ Facebook ที่มีความสุ่มเสี่ยงและล่อแหลม ซึ่งทางทีมได้พยายามสกัดโดยการปิดบัญชีผู้ใช้ที่ดูจะมีปัญหาไม่น่าไว้วางใจเหล่านั้นถึงวันละ 1 ล้านบัญชี แต่ปัญหาเรื่องของความสุ่มเสี่ยงและล่อแหลมในประเด็นต่างๆก็ยังดูไม่มีทีท่าว่าจะลดลงไปได้เลย
ในปัจจุบันนี้มีบัญชีผู้ใช้ Facebook อยู่ที่ประมาณ 2พันล้าน Account และมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆจึงทำให้ไม่น่าแปลกใจเลยว่าเหตุใดทาง Facebook ถึงหนักใจในเรื่องบัญชีที่ล่อแหลมสุ่มเสี่ยง ขนาดไล่ปิดกันไปวันละล้านบัญชี แต่เดี๋ยวก็มีการสมัครมาใหม่เพิ่มเติมอยู่เรื่อยๆ ระบบการคัดกรองและรักษาความปลอดภัยของทาง Facebook นั้นไม่ได้ไล่ปิดแค่บัญชีของผู้ใช้งานเท่านั้น แต่ยังตามแบนโพสต์ที่เข้าข่าย คลิปวิดีโอต่างๆที่ผิดกฎของ Facebook และอื่นๆที่ดูเป็นสแปมทางFacebook ก็เข้าไปจัดการกวาดล้างเหมือนกัน แต่จนแล้วจนรอดบัญชีป่วนเมืองเหล่านี้ ก็ดูจะไม่ได้ลดลงเลย และกลับมีท่าทีเหมือนจะมีเพิ่มขึ้นทุกวันตามจำนวนผู้ใช้งานที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย
จากปัญหาที่เกิดขึ้นกับทาง Facebook นี้ ไม่ใช่เพียงแค่ทาง Facebook เท่านั้น ที่รู้กันเป็นการภายใน มีผู้คนรวมถึงหลาหน่วยงานในยุโรปออกมาให้ความคิดในเชิงวิจารณ์ซึ่งเป็นไปในทางลบกับทาง Facebook ว่าFacebook ค่อนข้างหละหลวมกับระบบการคัดกรองและการรักษาความปลอดภัย อีกทั้งยังไม่มีความเด็ดขาดในเรื่องนี้มากพอ มีหลาย บัญชีผู้ใช้ที่คล้ายกับว่าเป็นผู้ใช้ของผู้ก่อการร้ายโผล่ขึ้นมาใน Facebook ก็มีบ่อยๆซึ่งนั่นก็อาจเป็นช่องทางที่ผู้คนที่ไม่หวังดีเหล่านั้นอาจใช้เป็นช่องทางในการก่อวินาศกรรมและการก่อการร้ายได้ หากเป็นเช่นนั้นจริง Facebook คงจะรับผิดชอบไม่ไหวแน่ๆ นอกจากนั้นแล้ว เรื่องของข่าวลวง ข่าวปลอมที่อาจส่งผลให้ผู้คนแตกตื่น จนกระทบกับความมั่นคงของประเทศ ตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ Facebook เองก็ยังไม่มีมาตรการใดๆที่จะนำมาใช้สกัดกั้นสิ่งเหล่านี้เลย พวกเขาจึงอยากเห็นทาง Facebook หาวิธีแก้ปัญหาที่จริงจังและเด็ดขาดกว่านี้
ด้าน Mark Zuckerberg เองก็เคยออกมาพูดแล้วว่า ทางเขาได้มีการเพิ่มกำลังอัตราพนักงานถึง 3,000 อัตรา เพื่อให้เข้ามาตรวจสอบปัญหาเหล่านี้ คือ เรียกง่ายๆว่า มาตรวจโพสต์ทุกโพสต์ที่เกิดขึ้นใน Facebook กันเลยทีเดียว โพสต์ไหนที่ดูแล้วเข้าข่าย hate speech ก็จะทำการลบออกไปโดยทันที แม้การแก้ปัญหานี้อาจจะยังดูไม่ตรงจุดเท่าไหร่ก็ตาม แต่ก็ทำให้เราพอมองเห็นความพยายามในการแก้ไขปัญหาของทาง Facebook อยู่เหมือนกัน ทั้งนี้ Mark Zuckerberg ยังเปิดเผยทิ้งท้ายว่า ในอนาคตข้างหน้าไม่ช้านี้ เขาจะให้ปัญญาประดิษฐ์(AI) เข้ามาช่วยตรวจสอบคัดกรองในเรื่องเหล่านี้ ซึ่งเชื่อได้ว่าคงจะทำได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นในระดับหนึ่งทีเดียว