ผักกาดขาว 白菜 (ไป๋ฉ่าย)ชาวจีน(แต้จิ๋ว)เรียกว่า “แปะฉ่าย” มีคนให้ฉายาผักกาดขาวว่า “เจ้าแห่งเส้นใย” หรือบางคนก็ขนานนามว่า “ผู้อาวุโสแห่งพืชผัก”  ว่ากันว่าชาวจีนเริ่มรู้จักนำผักกาดขาวมาเป็นอาหารตั้งแต่ 6,000 ปีก่อนมาแล้ว สมัยราชวงศ์ฉินผักกาดขาวก็เริ่มเข้ามาเป็นอาหารหลักของชาวจีน แต่มาเรียกผักชนิดนี้ว่า “แปะฉ่าย” ในสมัยราชวงศ์ซ้ง ผักกาดขาวเป็นผักที่ให้เส้นใยอาหาร (dietary fiber) สูงมากชนิดหนึ่ง ในทางการแพทย์ปัจจุบันได้มีการศึกษาพบว่า เส้นใยอาหารเป็นส่วนผนังของเซลล์ที่มีอยู่ในพืชผักผลไม้รวมถึงธัญพืชหลายชนิด มีอยู่ 2 ประเภท คือ เส้นใยแบบที่ไม่ละลายในน้ำ และ เส้นใยที่ละลายได้ในน้ำ ผักกาดขาวจัดอยู่ในประเภทอาหารที่มีเส้นใยแบบไม่ละลายในน้ำ ซึ่งจะมีคุณสมบัติตามชื่อคือไม่ละลายน้ำแต่เมื่อถูกน้ำจะพองตัวเหมือนฟองน้ำ เป็นการเพิ่มปริมาณน้ำในกระเพาะอาหารทำให้เรารู้สึกว่า เมื่อกินผักกาดขาวไปแล้วจะรู้สึกอิ่มง่ายและอิ่มนาน เส้นใยอาหารไม่ละลายน้ำที่อยู่ในผักกาดขาวนี้แบคทีเรียจะไม่สามารถย่อยได้ แต่กลับเป็นผลดีทำให้ ร่างกายมีกากอาหารมากขึ้น เป็นการทำความสะอาดและกระตุ้นการทำงานของลำไส้ จึงช่วยลดอาการท้องผูก และลดความเสี่ยงของปัญหามะเร็งลำไส้ใหญ่

สารอาหารที่พบในผักกาดขาว

Oriental-Greens-Chinese-Cabbage-Hilton-DSC08772     มีอยู่หลายชนิดด้วยกัน คือ วิตามินเอ วิตามินบี 1 บี 2 วิตามินซีสูง วิตามินดี ธาตุเหล็ก แคลเซียมสูง ฟอสฟอรัส และกรดนิโคตินิค

ความนิยมในการรับประทานผักกาดขาว

     เราจะสังเกตเห็นได้ว่า หลายๆชาตินำผักกาดขาวเข้ามาเป็นอาหารหลักในการประกอบอาหารเป็นสูตรอาหารโภชนาการเพื่อการบำบัดโดยเราไม่ค่อยรู้ตัว อย่างคนไทยก็จะมีเมนูอย่างเช่น แกงส้มผักกาดขาว ชาวญี่ปุ่นก็นิยมที่จะนำผักกาดขาวมาต้มในหม้อไฟร้อนๆสไตล์ชาบู ส่วนชาวเกาหลีก็นำผักกาดขาวมาทำกิมจิซึ่งเป็นอาหารหลักของพวกเขา แม้ว่ากิมจิจะทำได้จากผักหลากหลายชนิดที่ที่คนรู้จักส่วนใหญ่ก็มาจากผักกาดขาวนี่เอง ดังนั้นเราจะเห็นได้ว่าผักกาดขาวนับเป็นวัตถุดิบที่สำคัญในการนำมาประกอบอาหารตามหลักโภชนาการอาหารที่สำคัญ ซึ่งอุดมไปด้วยสารอาหารที่สำคัญมากมาย

ประโยชน์ของผักกาดขาวในทางการแพทย์จีน

     ผักกาดขาวเป็นผักที่ให้รสหวาน มีฤทธิ์เย็น ออกฤทธิ์ตามเส้นลมปราณกระเพาะ และ เส้นลำไส้ใหญ่ ช่วยขับพิษร้อน ลดอาการอึดอัดร้อนรุ่มที่บริเวณอก ขับปัสสาวะ ปรับสมดุลกระเพาะและลำไส้ ช่วยระบายและแก้อาการท้องผูก ช่วยป้องกันหวัด และช่วยลดอาการไอ ขับเสมหะ และแก้อาการเมาค้างได้ และยังมีส่วนช่วยในการป้องกันมะเร็งลำไส้อีกด้วย

ผักกาดขาวกับสรรพคุณทางยา

1.ในผู้ป่วยที่ลำไส้อักเสบ ให้คั้นน้ำจากต้นผักกาดขาวประมาณ 100 มล. (ประมาณ 1 แก้ว) ตั้งบนเตาไฟให้อุ่น กินก่อนอาหารวันละ 2 ครั้ง ผักกาดขาวมีวิตามินซีเป็นจำนวนมาก จะช่วยให้ลำไส้อักเสบดีขึ้น

2. หวัด หรือ อาการขาดวิตามิน ให้ใช้รากผักกาดขาวจำนวนมากพอประมาณ (ประมาณ 1 กำมือ) ต้มกับน้ำ เติมน้ำตาลทรายเล็กน้อย และนำไปดื่ม

3. หวัดหรือหลอดลมอักเสบ ใช้ผักกาดขาว หอมใหญ่ และขิงสดต้ม รวมกัน กินน้ำ หรือจะทำเป็นน้ำแกงกินก็ได้

4. ท้องผูก ให้กินผักกาดขาวเป็นประจำ อาการท้องผูกก็จะหายไป

5. พิษจากการกินมันสำปะหลังดิบ ใช้ผักกาดขาวสด และหัวผักกาดขาวสดคั้นเอาน้ำมากิน

6. ผิวหนังอักเสบเนื่องจากการแพ้ ใช้ผักกาดขาวสุก ตำให้ละเอียด พอกบริเวณที่มีอาการ

ข้อควรระวัง

1.สำหรับผู้ที่ทางทฤษฎีแพทย์จีน เรียกว่า กระเพาะอาหารเย็น คือ มีอาการแน่นท้อง และอาหารไม่ย่อยบ่อย หรือมีอาการอาเจียนบ่อย ไม่ควรกินมาก

2.หากจะกินผักกาดขาวสดๆ ควรแน่ใจว่าล้างผักสะอาดจริงๆ

3.หากนำผักกาดขาวไปประกอบอาหารแล้ว ควรทานให้หมดในวันนั้น ไม่ควรเหลือทิ้งไว้ข้ามคืน หรือหากทานสดก็ควรรีบทานให้หมดอย่าปล่อยไว้จนผักเกือบเน่า เพราะหากผักกาดขาวเน่าหรือเหลือข้ามคืน จะเป็นพิษแบคทีเรียจะทำปฏิกิริยากับเกลือไนเตรดในผักกาดขาว เปลี่ยนเป็นเกลือไนตรัส ทำให้ปริมาณธาตุเหล็กในฮีโมโกบิลสูงขึ้น จะส่งผลให้เม็ดเลือดแดงขาดออกซิเจน จะทำให้เกิดอาการปากเขียว เวียนศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน ผิวเขียวคล้ำ ชักกระตุกหมดสติ จนถึงขั้นเสียชีวิตได้ อาการจะแสดงหลังจากกินผักเน่าไป 15 นาที แต่ก็มีบางรายที่ใช้เวลา 2 – 3 ชม. แล้วจึงจะมีอาการเป็นพิษเกิดขึ้น