แตงกวา ภาษาจีนเรียกว่า เสี่ยวหวงกวา(小黄瓜) หรือ บางทีก็เรียกว่า ชิงกวา(青瓜)ที่บ้านผู้เขียนเรียกแบบแต้จิ๋วว่า เตี้ยวกวย(吊瓜) จากการศึกษามีความเชื่อกันว่าแตงกวาน่าจะมีถิ่นกำเนิดในแถบอินเดีย เพราะมีการค้นพบหลักฐานที่แสดงถึงว่ามีการเพาะปลูกแตงกวาในดินแดนเอเชียตกวันตก แถบๆประเทศอินเดียซึ่งมีมานานกว่า 3,000 ปี แตงกวาเป็นผักที่มีปลูกและขายอยู่ทั่วไป คนไทยไม่ว่าภาคไหนๆก็นิยมกินแตงกวา ส่วนใหญ่แล้วคนไทยมักจะใช้กินคู่กับน้ำพริก เพราะแตงกวามีน้ำมากจะช่วยลดความเผ็ดของอาหารลงได้บ้าง บางทีก็ใช้เป็นผักแกล้มลาบ และนอกจากนั้น เรามักจะนิยมนำแตงกวามาเป็นผักเคียงอาหารจานเดียว ที่ประเทศจีนมีวัฒนธรรมการกินและใช้แตงกวามาประกอบอาหารใกล้เคียงกับบ้านเรา คือทั้งกินสด นำมาเป็นเครื่องเคียง นำมาดอง และ นำมาปรุงอาหารสุก เช่น ทำแกงจืดแตงกวา ส่วนชาวตะวันตกก็จะกินแตงกวาทั้งแบบสด และแบบดอง เพื่อแก้เลี่ยนเป็นหลัก
สารอาหารที่พบในแตงกวา
จากการศึกษาวิจัยพบว่าแตงกวามีน้ำเป็นส่วนประกอบถึงร้อยละ 96 จึงเหมาะกับการกินในช่วงอากาศร้อน เพราะมีน้ำมากจะช่วยดับกระหายและลดความร้อนทำให้ร่างกายสดชื่น แตงกวามีสารอาหารที่สำคัญต่อร่างกายหลายชนิด เช่น วิตามินซี วิตามินเอ กรดคาเฟอิก ซิลิก้า โพแทสเซียม แมงกานีส และแมกนีเซียม และนอกจากนี้เรายังพบว่าแตงกวามีคุณสมบัติช่วยย่อยโปรตีนบนผิวหนังชั้นนอก ซึ่งหยาบกร้านและเกรียมแดดให้หลุดลอกออกไป เพื่อให้เซลล์ผิวหนังเกิดการผลิตตัวขึ้นมาใหม่ ส่งผลให้ผิวพรรณดูนุ่มนวลและเปล่งปลั่ง เราจึงพบว่าสาวๆทั้งหลายจึงนำแตงกวาไปแปะไว้บนใบหน้ากันนั่นเอง
ประโยชน์ของแตงกวาในทางการแพทย์จีน
แตงกวา มีฤทธิ์เย็น รสหวาน ออกฤทธิ์กับเส้นลมปราณกระเพาะ ลำไส้เล็ก และ ลำไส้ใหญ่ สรรพคุณช่วยดับร้อน ขับปัสสาวะ ลดบวมระงับปวด ช่วยเพิ่มน้ำในลำไส้ แก้ไข้ แก้กระหายน้ำ ลดอาการบวมน้ำ แก้ตาแดง เจ็บคอ ตัวร้อน ไตอักเสบ ป้องกันความร้อนเข้าสู่ร่างกายมากเกินไปในช่วงหน้าร้อน มีฤทธิ์ต่อต้านเซลล์มะเร็งและเนื้องอก
แตงกวากับสรรพคุณทางยา
1.แก้อาการเจ็บคอ นำแตงกวาไปคั้นเอาน้ำ และนำน้ำที่ได้ไปบ้วนปากกลั้วคอ วันละ 3 ครั้ง 2 – 3 วัน
2.แก้อาการท้องผูก นำแตงกวาไปคั้นเอาน้ำให้ได้ปริมาณ 1 แก้ว แล้วนำไปดื่ม วันละ 2 แก้ว
3.ป้องกันสิวและสิวหัวดำ นำแตงกวาไปขูดให้เป็นฝอย และนำไปพอกที่ใบหน้าและคอ 15 – 20 นาที จะช่วยบำรุงผิวทำให้ชุ่มชื้น ป้องกันการเกิดสิว
4.ขับพยาธิ นำแตงกวาครึ่งกิโลกรัม และเต้าหู้สดหนึ่งกิโลกรัม ต้มรวมกัน นำน้ำที่ได้มาดื่มจะช่วยขับพยาธิได้
ข้อควรระวัง
ผู้ที่มีม้ามไม่แข็งแรงและมีอาการท้องเดินท้องร่วงบ่อย กระเพาะอาหารเป็นแผล ไม่ควรกินแตงกวา และเช่นเดียวกับผู้ที่มีโรคที่เกี่ยวกับกระดูกและข้อ โรคเก๊าท์ หรือมีความเสี่ยงต่อโรคพวกนี้ก็ไม่ควรกินเช่นกัน เพราะแตงกวามีปริมาณ ยูริคสูง อาจทำให้เกิดการสะสมและอักเสบได้