จากปัญหาข่าวปลอมล้นสื่อออนไลน์ในขณะนี้ ทำให้เกิดความหวั่นใจและวิตกกังวลต่อผู้คนได้ง่าย และนั่นอาจส่งผลต่อการตัดสินใจของนักลงทุนได้ สิงคโปร์จึงมองว่านี่คือปัญหาใหญ่ที่ต้องรีบแก้ นั่นทำให้ สิงคโปร์มีการเตรียมออกกฎหมายใหม่เพื่อจัดการกับข่าวปลอมต่างๆที่เกิดขึ้นบนสื่อออนไลน์ ซึ่งจะมีโทษรุนแรงถ้าพบว่าใครสร้างและเผยแพร่ข่าวปลอม

คงต้องยอมรับว่าในขณะนี้ มีข้อมูลข่าวสารมากมายเกิดขึ้นอยู่เต็มโลกออนไลน์ ซึ่งข้อมูลข่าวสารเหล่านี้ไม่มีใครกรองหรือยืนยันได้เลยว่าอันไหนจริง อันไหนเท็จ นั่นทำให้เกิดปัญหา ‘ข่าวปลอม’ ล้นสื่อออนไลน์ในทุกวันนี้ หลายคนอาจจะคิดว่าเรื่องนี้ไม่น่าจะส่งผลกระทบอะไรกับเรา แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมเราทุกคนล้วนได้รับผลกระทบต่อเรื่องนี้ทั้งสิ้น เพียงแต่เราอาจจะไม่รู้ตัว เพราะว่าการเกิดข่าวปลอมขึ้นมาในสังคมออนไลน์ สามารถส่งผลกระทบต่อชีวิตเล็กๆของบุคคลแต่ละบุคคล และอาจลุกลามไปจนถึงสร้างกระแสด้านลบให้สังคม และอาจเลวร้ายไปจนถึงผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศได้เลยทีเดียว

สิงคโปร์นับเป็นประเทศหนึ่งที่ให้ความสนใจในเรื่องข่าวปลอมนี้มาก เพราะสิงคโปร์คือประเทศที่มีการขับเคลื่อนประเทศด้วยธุรกิจ การลงทุน และเป็น Hub ด้านการเงินอีกด้วย ระบบการเงินหมุนเวียนอยู่ในประเทศนี้เป็นจำนวนที่นับยาก นักลงทุนมากมายกระจุกตัวอยู่ที่ประเทศนี้ หากข่าวปลอมเพียงข่าวเดียวเกิดขึ้นและมีการส่งต่อจนกลายเป็นกระแสความเชื่อ นั่นหมายความว่าอาจไปกระทบกันการตัดสินใจด้านการเงิน การลงทุนอื่นๆได้มากมาย สิงคโปร์จึงเตรียมออกกฎหมายฉบับใหม่ที่มีความเข้มงวดขึ้นในการจัดการกับการเผยแพร่ข่าวปลอมบนโลกออนไลน์ ด้วยการมอบสิทธิให้รัฐบาลสามารถเข้าจัดการการกระจายข่าวปลอมได้อย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาอันสั้น

ก่อนหน้านี้ รัฐสภาสิงคโปร์ได้จัดตั้งคณะกรรมการชุดพิเศษขึ้นมาเมื่อวันที่ 10 มกราคมที่ผ่านมา เพื่อพิจารณากฎหมายในการจัดการกับเม็ดเงินทางการตลาดที่สร้างรายได้ให้กับกลุ่มคนไม่หวังดีที่อยู่เบื้องหลังการเขียนและกระจายข่าวปลอมด้วย นอกจากนั้น ยังจะช่วยตัดเส้นทางการโฆษณาและการแพร่กระจายข่าวปลอมบนโลกออนไลน์ รวมไปถึงการพิจารณาบทลงโทษที่เหมาะสมสำหรับคนกลุ่มนี้ในฐานะอาชญากรทางไซเบอร์

อย่างไรก็ตาม องค์กรความร่วมมือด้านเทคโนโลยีอย่างAsia Internet Coalitionที่มีสมาชิกคือ Facebook, Google, LinkedIn, Apple, Twitter, Yahoo, และ LINE ออกมาแสดงความคัดค้านกับความเคลื่อนไหวดังกล่าว และระบุว่าบริษัทไอทีเหล่านี้ควรมีสิทธิ์จัดการดูแลข่าวปลอมด้วยตัวเอง แทนที่จะถูกกฎหมายจากรัฐบาลเข้ามาควบคุม