ประชาชนอ่วม หลังจากค่าครองชีพสูงขึ้น สินค้าหลายชนิดปรับราคาสูงขึ้น ล่าสุด ข้าวสารถุงก็มาปรับราคาขึ้นอีก ซึ่งที่น่าหนักใจก็คือราคาข้าวถุงปรับพุ่งสูงขึ้นนี้นับเป็นอัตราที่สูงมากที่สุดในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา

ฝนและโรคทำข้าวผลิตได้น้อย

rice02524     หากย้อนกลับไปดูการผลิตข้าวเปลือกหอมมะลิปี 2559/2560  จะพบว่าไทยเราผลิตข้าวได้เพียง 6 ล้านตันเท่านั้น ทำให้สต๊อกข้าวในประเทศลดลง และเมื่อมาดูการผลิตข้าวเปลือกหอมมะลิปีล่าสุด 2560/2561 ผลผลิตยังต่ำกว่าที่ประมาณการ 7.1 ล้านตัน ที่เป็นเช่นนี้เพราะจังหวัดที่ปลูกข้าวหอมมะลิ ได้รับผลกระทบจากฝนที่กระหน่ำลงมาในช่วงที่ข้าวกำลังออกดอก รวมถึงปัญหาโรคของข้าวที่แพร่ระบาด เกษตรกรชาวนาผู้ปลูกข้าวจึงต้องมีการเปลี่ยนจากข้าวหอมมะลิไปปลูกข้าวเหนียวแทน ผลผลิตข้าวหอมมะลิที่ลดลงนี้จึงเป็นหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลให้ข้าวหอมมะลิราคาพุ่งสูงขึ้น โดยอยู่ที่ตันละ 31,000-33,000 บาท เป็นการปรับราคาสูงขึ้นมากที่สุดในรอบ 10 ปีเลยทีเดียว

ผลผลิตน้อยส่งผลให้ข้าวถุงขึ้นราคา

iStock-493058654-peangdao-700x400-cover     จากปัญหาผลผลติข้าวหอมมะลิที่ลดลงทำให้  ขณะนี้ผู้ประกอบการข้าวถุงทยอยปรับราคาจำหน่ายข้าวถุง เพื่อให้สอดรับกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น วิธีการปรับจะเป็นไปในลักษณะยกเลิกการส่งเสริมการขาย (โปรโมชั่น) โดยราคาที่เพิ่มขึ้นไปนี้จะเพิ่มขึ้น กก.ละ 35 บาท สำรวจจากห้างค้าปลีกโมเดิร์นเทรดพบว่า ข้าวถุงแต่ละแบรนด์ยังมีโปรโมชั่นราคาพิเศษเพื่อกระตุ้นยอดขาย เช่น พันดีข้าวหอมมะลิ 100% 5 กก. ราคา 175 บาท จากปกติ 250 บาท (ราคาเฉพาะสมาชิกเอ็มการ์ด), บัวชมพู ข้าวหอมมะลิ 100% 5 กก. เมื่อซื้อ 2 ชิ้น ราคา 358 บาท จากปกติ 598 บาท, ดอกบัว ข้าวหอมมะลิ 100% 5 กก. ราคา 169 บาท จากปกติ 219 บาท ซึ่งหลังจากนี้ประชาชนอาจจะต้องซื้อข้าวในราคาจริงไม่ใช่ราคาโปรโมชั่นอีกต่อไป

     หากจะมองกันตามจริงแล้วราคาข้าวสูงขึ้นจริง แต่ข้าวถุงก็ไม่ได้ปรับราคาสูงตาม เพียงแต่ว่าเดิมเราเคยซื้อข้าวถุงในราคาโปรโมชั่น แต่ต่อไปผู้ค้าจะไม่สามารถแบกรับภาระเรื่องของต้นทุนได้จึงยกเลิกโปรโมชั่นนั่นทำให้เราต้องหันมาซื้อข้าวในราคาจริง เราจึงรู้สึกว่าข้าวขึ้นราคา แต่จริงๆไม่ได้ขึ้น เราซื้อในราคาจริงเท่านั้น แต่ก็ถือว่าเป็นราคาที่กระโดดขึ้นมามากเลยทีเดียว

 

อ้างอิง: ประชาชาติ