การเสวนาเศรษฐกิจและการเมืองระดับโลก อย่าง “เวิลด์ อีโคโนมิค ฟอรั่ม 2018”(World Economic Forum 2018 ) ได้เปิดฉากเริ่มงานกันไปแล้วตั้งแต่วันที่ 23 มกราคม 61 ที่ผ่านมา ณ เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และเป็นธรรมเนียมเสมอก่อนที่การเสวนาจะเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ มักจะมีรายงานผลการวิจัยและการสำรวจในเรื่องต่างๆออกมาเผยแพร่เพื่อจุดประเด็นกันก่อน ซึ่งมีรายงานการสำรวจหนึ่งที่น่าสนใจและน่าจับตามองอย่างมากก็คือ “ความเสี่ยงสำคัญทางเศรษฐกิจและการเมืองที่คาดว่าทั่วโลกจะเผชิญ” ซึ่งเนื้อหามาเมื่อสรุปออกมาแล้วก็น่าตกใจอยู่ไม่น้อยเพราะจากรายงานชี้ว่า ปีนี้จะเป็นปีที่เกิดความขัดแย้งและการเผชิญหน้าทางเศรษฐกิจและการเมืองระหว่างกลุ่มประเทศมหาอำนาจโลกจะรุนแรงขึ้น
เวิลด์ อีโคโนมิค ฟอรั่ม 2018 (World Economic Forum 2018 ) จัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 23 – 26 มกราคม 61 ซึ่งคาดว่าจะมีคนระดับผู้นำเข้าร่วมงานกว่า 70 ประเทศ นอกจากนั้นน่าจะยังมีนักธุรกิจ นักวิชาการ ศิลปิน และคนเด่นดังแทบทุกวงการเข้าร่วมในงานเสวนาครั้งนี้ดังเช่นที่เป็นมาทุกปีด้วย แต่ที่จะถูกจับตามองและอยู่ในความสนใจที่สุดก็คือ โดนัลด์ ทรัมป์ เพราะมีกำหนดที่จะต้องขึ้นปราศรัยในวันปิดงานครั้งนี้ หลายคนเชื้อเหลือเกินว่าทรัมป์ จะต้องปล่อยวาทะขย่มโลกอะไรออกมาอีกแน่ อย่างน้อยๆก็ต้องเป็นประเด็นพาดพิงถึงชาวโสมแดงเกาหลีเหนือแน่นอน
แต่ก่อนที่งานเสวนาอันยิ่งใหญ่นี้จะเริ่มก็ได้มี รายงานการสำรวจ The Global Risks ออกมาซึ่งเป็นรายงานที่ชี้ถึงประเด็นความเสี่ยงในด้านต่างๆที่โลกจะต้องเผชิญในปีนี้ออกมา โดยรายงานฉบับนี้ได้มีการไปสำรวจความคิดเห็นของคณะผู้เชี่ยวชาญในภาคส่วนต่างๆ ทั้งส่วนที่เกี่ยวของกับการเมืองการปกครองภาคธุรกิจ นักวิชาการ และกลุ่ม NGO ต่างๆ ซึ่งผลการสำรวจที่ออกมานั้น 93% มีความเชื่อมั่นว่า การแข่งขันทางเศรษฐกิจและการเผชิญหน้ากันทางการเมืองของมหาอำนาจโลกจะเลวร้ายลงกว่าเดิมในปีนี้ โดย 40 % ใน 93 % ที่ทำการสำรวจเชื่อว่าความเสี่ยงในเรื่องดังกล่าวจะมีสูงมากขึ้นกว่าเดิม
ที่สำคัญอีกประการ 79 % มองว่าความเสี่ยงที่จะเกิดความขัดแย้งทางด้านการทหาร ระหว่างรัฐต่อรัฐ จะมีมากขึ้นและน่าจะเพิ่มระดับความรุนแรงไปเรื่อยๆ ที่คาบสมุทรเกาหลีอันนี้แน่นอนอยู่แล้ว แต่ประเด็นที่จะขัดแย้งมาอีกระลอกน่าจะเป็นการเผชิญหน้าทางทหารครั้งใหม่ในภูมิภาคตะวันออกกลาง
รายงานยังระบุด้วยว่า โลกจะเผชิญกับความไม่เท่าเทียมทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างรุนแรง แม้เศรษฐกิจจะโตขึ้น แต่จะตามมาด้วยปัญหาความไม่เท่าเทียมทางรายได้ หนี้ครัวเรือนจะสูงขึ้นพร้อมๆกับอัตราการออมเงินจะต่ำลง เงินกองทุนบำนาญต่างๆจะเริ่มไม่เพียงพอที่จะดูแลผู้คนพลเมือง เพราะโลกจะเผชิญกับสังคมผู้สูงอายุ ในส่วนของเทคโนโลยีภัยการโจมตีไซเบอร์อันเป็นภัยร้ายแรงของโลกยุคใหม่ก็จะมีมากขึ้นด้วย ในด้านสิ่งแวดล้อมภัยคุกคามต่อสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นจากน้ำมือมนุษย์ก็จะทวีหนักขึ้น ภัยธรรมชาติอันเป็นผลกระทบจากอุณหภูมิสูงขึ้นของโลกจะมีมากขึ้น สภาพภูมิอากาศแปรปรวนสุดขั้วมากกว่าเดิมในปีนี้ อากาศร้อนหรือหนาวจัดกว่าทุกปี ในขณะที่พื้นที่แห้งแล้งก็จะขยายวงกว้างมากขึ้นในหลายพื้นที่ของโลก
อย่างไรก็ดีสิ่งเหล่านี้ยังเป็นเพียงการคาดการณ์ ใช่ว่าจะเกิดขึ้นจริงทุกเรื่องไป แต่ถึงจะเป็นการคาดการณ์ เราก็ต้องฟังหูไว้หู เพราะหลายสิ่งที่กล่าวมานั้นโลกได้สะท้อนแนวโน้มว่ามันจะเกิดขึ้นจริงมาให้เห็นบ้างแล้ว เราทุกคนก็ควรเตรียมคิดวางแผนรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่จะส่งผลเสียต่อเราให้มากขึ้น เห็นทิศทางของโลกแล้วก็รอบคอบไว้ก่อนดีกว่าจะได้เจ็บตัวน้อยๆ