เมื่อตัดสินใจซื้อคอนโดเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนสำคัญสุดท้ายก็คือขั้นตอนของการโอนคอนโด หรือ การโอนกรรมสิทธิ์ในการถือครองคอนโด ในส่วนนี้จะมีค่าใช้จ่ายส่วนสุดท้ายที่ผู้ซื้อผู้ขายต้องเสีย ในรายละเอียดของการโอนคอนโดทั้งคอนโดมือหนึ่งและคอนโดมือสองก็จะเหมือนๆกัน แต่สิ่งที่จะแตกต่างกันก็คือ คอนโดมือสองจะสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ได้ดีกว่า การต่อรองพูดคุยสร้างความสัมพันธ์กับผู้ขายเป็นเรื่องสำคัญแม้ว่า คุณซื้อคอนโดมือสอง ต่อรองราคาเรื่องของการโอนแล้วแต่ตกลงกันไม่ อย่างน้อยๆก็ยังถือว่าได้มีการคอนเน็คชั่นกัน ซึ่งคนที่ซื้อคอนโดจะต้องรู้ด้วยว่าค่าใช้จ่ายในการโอนคอนโดนั้น ส่วนไหนบ้างที่เราต้องจ่ายและส่วนไหนที่ผู้ขายต้องจ่าย ซึ่งหลักๆแล้วค่าใช้จ่ายในโอนคอนโดจะมีดังนี้
1.ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (หัก ณ ที่จ่าย) = ตามหลักเกณฑ์ของกรมสรรพากร ตรงส่วนนี้ผู้ที่ขายคอนโดต้องเป็นคนจ่าย
2.ค่าธรรมเนียมในการทำนิติกรรม (ค่าโอน) = 2% จากราคาประเมินของกรม (ทั้งผู้ซื้อผู้ขายช่วยกันจ่ายคนละครึ่ง)
3.ค่าจดจำนอง = 1% ของมูลค่าที่จำนอง(จำนวนที่คุณกู้จากแบงก์ทั้งหมด) ตรงส่วนนี้ผู้ซื้อเป็นคนจ่าย
4.ค่าอากรแสตมป์ – ภาษีธุรกิจเฉพาะ ในส่วนนี้ต้องเสียอย่างใดอย่างหนึ่ง คือถ้าเสียเป็นภาษีธุรกิจเฉพาะไป ก็ไม่ต้องเสียอากรแสตมป์ ค่าอากรแสตมป์นั้นจะอยู่ที่ 0.50 % ตามราคาซื้อขาย แต่ไม่ต่ำกว่าราคาประเมินของกรม ส่วนภาษีธุรกิจเฉพาะ จะอยู่ที่ 3.3 % ของราคาซื้อขาย ที่ไม่ต่ำกว่าราคาประเมินของกรม ซึ่งถ้าครอบครองมีชื่อในทะเบียนบ้านเกิน 1 ปีไปแล้ว หรือ ถือครองเกิน 5 ปีก็ไม่ต้องชำระในส่วนนี้ เสียเป็นค่าอากรแสตมป์ ซึ่งในส่วนนี้เป็นหน้าที่ของผู้ขายที่จะต้องจ่าย
สรุปให้เห็นภาพรวมอีกครั้งก็คือ โดยทั่วไปแล้วในส่วนของภาษีเงินได้ ผู้ขายควรเป็นผู้จ่าน ส่วนค่าจดจำนองเป็นหน้าที่ของผู้ซื้อที่ต้องจ่าย ค่าธรรมเนียมอื่นๆนั้นแล้วแต่จะตกลงกันว่าใครจะออกเท่าใดได้ ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายควรจะตกลงกันตั้งแต่ตอนเจรจาต่อรอง ว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะออกส่วนไหน หรือจะออกด้วยกันทั้งคู่แบบหารกันคนละครึ่ง
ส่วนที่จะมีปัญหาเกี่ยงกันมากที่สุดนั้นจะเป็นส่วนของค่าโอน เอาเป็นว่าถ้าคุณเป็นผู้ซื้อคอนโดเมื่อต่อรองกับผู้ขายแล้วในเรื่องส่วนลดต่างๆ ถ้าผู้ขายยอมลดราคาในเป้าหมายที่คุณตั้งไว้ ค่าโอนคุณก็ควรเป็นคนจ่าย แต่ทั้งนี้ก็ต้องดูเรื่องต้นทุนด้วยต้องไม่เกินจากที่คุณตั้งไว้ในตอนแรก แต่ถ้ามีการลดราคาแต่ยังไม่ถึงเป้าที่คุณคิดไว้ ประมาณว่าได้ราคากลางที่ Win – Win กันทั้งสองฝ่าย แบบนี้ก็คุยกันไปเลยว่าค่าโอนคนละครึ่ง แบบนี้ก็จะเคลียร์กันง่ายและลงตัวที่สุด