สำหรับคนที่คิดว่ามีความจำเป็นต้องซื้อบ้าน ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม คุณต้องคิดวิเคราะห์ในหลายๆเรื่อง เพราะการซื้อบ้านเป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญของชีวิต จะอยู่อย่างเป็นสุขสบายหรือปวดหัววุ่นวายกับปัญหาหลายอย่างที่ตามมาก็อยู่ที่ความรอบคอบของเราเอง และต่อไปนี้คือ 4 ปัจจัยสำคัญที่เราจะต้องดูให้ดีก่อนซื้อบ้าน
1.พิจารณาไลฟ์สไตล์ของตัวคุณ
อย่างแรกเลย ให้มองถึงวิถีชีวิตประจำวันของตนเองเป็นหลัก ว่าเราต้องเดินทางไปที่ไหนบ้างในแต่ละวัน โดยส่วนใหญ่เรามักจะคิดกันว่าหากเราซื้อบ้านนอกเมือง ก็จะได้บ้านเนื้อที่มากกว่าในเมือง อันนี้ก็ถูกต้องแต่ก็ต้องไม่ลืมว่าก็ต้องแลกมาด้วยการเดินทางที่ไกลขึ้น ค่าใช้จ่ายในการเดินทางอาจสูงถึง 15 -20 % ของรายได้เลยทีเดียว นอกจากนี้ควรจะคำนึงถึงไลฟ์สไตล์ในอนาคตด้วย เช่น ต่อไปเราอาจจะแต่งงาน มีลูก ซึ่งก็ต้องขยับขยาย จากที่เคยอยู่คอนโด ก็ต้องเปลี่ยนเป็นทาวเฮ้าส์หรือบ้านเดี่ยว
2.ดูทำเลและสภาพแวดล้อม
แน่นอนว่าการซื้อบ้านหรือคอนโดนั้นควรเลือกซื้อให้อยู่ในทำเลที่ดี เพื่อที่วันหนึ่งหากคิดจะขายก็สามารถเปลี่ยนมือได้อย่างรวดเร็ว มีสภาพคล่องสูง ทำเลที่ดีนั้นต้องมีการคมนาคมที่สะดวก มีสาธารณูปโภค หรือคุณอาจจะเลือกในเขตที่กำลังมีการขยายตัวของเมือง ซึ่งไม่จำเป็นต้องติดแนวรถไฟฟ้าเสมอไป หากเราไม่ได้ใช้ชีวิตในโซนดังกล่าว เพราะจะทำให้ราคาสูงโดยใช่เหตุ พออยากจะขายในอนาคต ก็เลยมักจะไม่ได้กำไรส่วนต่างมากเท่ากับบ้านหรือห้องชุดที่อยู่ในทำเลอื่น เนื่องจากราคาแพงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
เรื่องของสภาพแวดล้อมรอบๆโครงการก็สำคัญ เช่น ชุมชนโดยรอบบริเวณใกล้ๆบ้านมีสภาพเป็นอย่างไร มีโรงงานที่ส่งมลภาวะทางเสียงหรือกลิ่นหรือไม่ รวมทั้งทิศทางลมและแสงแดด ก็เป็นเรื่องที่มองข้ามไม่ได้ หรืออย่างเรื่องของลักษณะที่ดิน เช่นรูปร่าง ขนาด ระดับของที่ดิน ล้วนมีส่วนสำคัญที่ทำให้บ้านน่าอยู่อาศัยมากขึ้นหรือน้อยลง เช่นเรื่องของระดับที่ดิน เราขอแนะนำว่าระดับบ้านของเราควรจะสูงกว่าพื้นที่โดยรอบประมาณ 40 เซนติเมตรขึ้นไป และควรซื้อที่ดินรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า หรือจัตุรัส ไม่ควรเลือกที่ดินที่มีรูปร่างสามเหลี่ยม หรือคางหมู เพราะจะมีผลเรื่องราคาขายในอนาคตนั่นเอง
3.ดูโครงการและตัวบ้าน
ก่อนจะซื้อต้องตรวจสอบบ้านให้รอบคอบ โดยเน้นไปถึงเรื่องของคุณภาพ เงื่อนไขการซื้อขายและบริการหลังการขายว่าเป็นเป็นตามสัญญาหรือไม่ นอกจากนี้ยังต้องดูสภาพแวดล้อมจริง ไม่ควรดูแต่ห้องตัวอย่างเพียงอย่างเดียว ถ้าคิดว่าซื้อบ้านมาแล้วเราอาจจะขายหรือให้เช่า ก็ไม่ควรแต่งเติมให้ผิดไปจากเดิมมากนัก เพราะคนที่เข้ามาดู อาจเปลี่ยนใจไม่ซื้อเนื่องจากแก้ไขดัดแปลงมากเกินไป
4.ดูกำลังซื้อของตนเอง
การผ่อนบ้านนั้นมีสูตรคำนวณว่า “ราคาบ้านที่เราจะซื้อไม่ควรเกิน 30 เท่าของรายได้ต่อเดือน” และไม่ควรหวังน้ำบ่อหน้าด้วยการคาดการณ์ไปเองว่า เราจะได้เลื่อนตำแหน่ง หรือได้เงินก้อนจากการทำธุรกิจที่ยังมาไม่ถึง เอารายได้ปัจจุบันของตนเองเป็นตัวกำหนดการผ่อนชำระจะปลอดภัยที่สุดค่ะ เพราะฉะนั้นก่อนจะซื้อบ้านให้ทบทวนว่าเรามีความจำเป็นจริงๆหรือไม่? ไม่ใช่ซื้อตามกระแสเห็นคนอื่นซื้อ ก็ซื้อตาม ทั้งที่ตัวเองยังไม่มีความพร้อม ทำให้เมื่อซื้อบ้านขึ้นมาจริงๆก็ต้องมาปวดหัวกับค่างวด จนต้องรัดเข็มขัดเงินในส่วนอื่นๆและกลายเป็นปัญหาทะเลาะกันภายในครอบครัว ซึ่งทำให้เครียดกันไปเปล่าๆ