ตอนนี้ธุรกิจท่องเที่ยวกำลังมีการขยายตัวมากขึ้นสอดรับกับนโยบายภาครัฐที่พยายามเน้นและส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวให้เติบโต ภูเก็ตนับเป็นอีกหนึ่งสถานที่แห่งแดนสวรรค์การท่องเที่ยว ผู้ประกอบการและนักลงทุนอสังหาริมทรัพย์ จึงพากันตบเท้าเข้าไปลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์และพัฒนาที่ดินภูเก็ตกันหนาตามากขึ้น โดเฉพาะตลาดคอนโดฯลักชัวรีตอนนี้จัดว่าบูมมากทีเดียว ลูกค้าเอเชียให้การตอบรับดีมาก ล่าสุด ออลล์ อินสไปร์ ก็มีการเปิดตัวโครงการยักษ์บนอ่าวฉลอง เป็นโครงการคอนโดมิเนียม ลักชัวรีโครงการแรกที่ภูเก็ตด้วยเช่นกัน
นายธนากร ธนวริทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่าโครงการคอนโดมิเนียม ลักชัวรีที่ภูเก็ตนี้ ชื่อว่า อิมเพรสชั่น ภูเก็ต มีมูลค่ากว่า 1,600 ล้านบาท โดยมีจำนวนห้องชุด 42 หน่วย ขนาด 2 ห้องนอนราคาเริ่มต้น 25 ล้านบาท เน้นกลุ่มลูกค้านักลงทุนไฮเอนด์ทั้งคนไทยและต่างชาติ ซึ่งด้วยการเลือกทำเลที่เยี่ยมยอดตั้งอยู่บนอ่าวฉลอง ทำให้โครงการนี้จะเป็นคอนโดมิเนียมที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้คนที่ต้องการความสบายและการพักผ่อนที่เยี่ยมยอดที่สุด โครงการอิมเพรสชั่น ภูเก็ตนี้จะเปิดพรีเซล อาคารแรกปลายเดือนมีนาคมนี้ แต่ ณ ตอนนี้มีลูกค้าสนใจจองแล้ว 50% เป็นลูกค้าคนไทย นั่นทำให้ทางบริษัท ออลล์ อินสไปร์ มีความมั่นใจว่าตลาดคอนโดฯในภูเก็ตจะไปได้อีกไกล ดังนั้น จึงวางแผนต่อไปที่จะซื้อที่ดินติดชายหาดในภูเก็ตอีก 2 แปลง ขนาด 6-7 ไร่ เพื่อพัฒนาโครงการลักชัวรี เรสซิเดนซ์ต่อไปอีกด้วย
หากมาดูถึงสถานการณ์ตลาดคอนโดมิเนียมเฉพาะภูเก็ตแล้ว ตั้งแต่ต้นปี 61 เป็นต้นมา คอนโดมิเนียมทั้งหมดที่เปิดขาย มีอยู่ประมาณ 20,690 หน่วยโดยมีอัตราการขายที่ประมาณ 75% ซึ่งอัตรานี้เมื่อเทียบกับปีที่แล้วในช่วงเดียวกันก็ถือว่าเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ซึ่งปีก่อนนั้นผู้ประกอบการด้านอสังหาริมทรัพย์จะเน้นคอนโดมิเนียมที่ระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท พยายามเน้นลูกค้าระดับกลาง แต่ช่วงปลายปีที่แล้วมาจนถึงต้นปีนี้ รูปการณ์กลับเปลี่ยนไป โดยผู้ประกอบการหันไปให้ความสนใจในการพัฒนาคอนโดมิเนียมที่ระดับราคามากกว่า 20 ล้านบาทต่อหน่วย เพื่อเจาะตลาดระดับบน เน้นชาวต่างชาติหรือลูกค้าคนไทยที่ต้องการบ้านพักตากอากาศ ซึ่งชาวต่างชาติที่จะนิยมมาซื้อคอนโดระดับนี้จะเป็นคนจีน ในตอนนี้คอนโดมิเนียมระดับราคามากกว่า 20 ล้านบาท ที่เปิดขายอยู่ในภูเก็ตมีประมาณ 230 หน่วย โดยมีอัตราการขายเฉลี่ยที่ประมาณ 63% โดยลูกค้าจะเน้นห้องแบบที่มี 1 – 2 ห้องนอนมากกว่าแบบที่มี 3 ห้องนอน