“บ้าน คือ วิมานในฝัน” เป็นคำกล่าวที่สวยหรูมีอยู่ในทุกยุคสมัย ใครๆก็ย่อมอยากมีบ้านของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นบ้านใหม่ แบบบ้านเดี่ยว หรือ จะเป็นบ้านมือสองก็ตาม ขอให้เป็นบ้านของตนเองก็พอแล้ว แต่ทั้งนี้ใช่ว่าทุกคนจะสามารถมีบ้านของตนเองได้ตามที่ตั้งใจ การจะซื้อบ้านนั้นเป็นเรื่องใหญ่เสมอ และที่สำคัญการเลือกซื้อบ้านไม่เหมาะอย่างยิ่งกับคนอารมณ์ร้อน วู่วามหรือใจเร็วด่วนได้ คุณอาจจะงงว่าเกี่ยวข้องกันอย่างไร การซื้อบ้านกับเรื่องของอารมณ์ เราขอบอกเลยว่าเกี่ยวกันอย่างแน่นอน
สิ่งที่ต้องตระหนักสำหรับ “มือใหม่” อยากมีบ้าน
ขอให้คุณเข้าใจไว้ด้วยว่า “การซื้อบ้านจะมีผลผูกพันกับชีวิตทั้งผู้ซื้อและผู้อยู่อาศัยทุกคนในบ้านไปอีกนานนับสิบปี” เพราะฉะนั้นการจะซื้อบ้านสักหลัง ไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยวเล็กๆ หรือจะเป็นบ้านมือสองก็ตามจึงเป็นเรื่องที่สำคัญในชีวิตมากๆ ต้องรอบคอบกันหน่อย อย่าใจร้อนเป็นอันขาด
จะซื้อบ้านทั้งทีคิดให้ดีมีเหตุผล
คนที่คิดจะซื้อบ้านไม่ว่าจะเพื่ออยู่อาศัย หรือเพื่อลงทุน ส่วนใหญ่จะใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผลเสมอ เช่น เห็นคนอื่นมี ก็อยากมีเหมือนคนอื่นบ้าง บางคนอยากซื้อมาอวดเพื่อน อวดญาติพี่น้อง ก็เลยรีบซื้อแบบไม่คิดหน้าคิดหลัง บางทียังดูรายละเอียดไม่ครบถ้วน ก็ตัดสินใจซื้อไปแล้ว บอกตรงๆว่าคนที่ซื้อบ้านด้วยอาการแบบนี้ คุณคิดผิดแล้ว เนื่องจากเป็นการซื้อในขณะที่ตังเองยังไม่พร้อม คิดเพียงแค่ว่าอยากได้เท่านั้นเอง นั่นเท่ากับว่าคุณแทบไม่ได้วางแผนในระยะยาวไว้เลยว่า ถึงแม้ว่าบ้านที่คุณซื้อจะเป็นบ้านมือสอง ราคาไม่แพง แต่ถึงอย่างไรเงินที่คุณต้องจ่ายไปก็นับเป็นเงินก้อนใหญ่อยู่ดี คุณจะต้องแบกรับภาระการผ่อนบ้านหลังนั้นไปอีกหลายสิบปี ถ้าเป็นบ้านเดี่ยวที่เป็น บ้านใหม่บางคนดูแค่โฆษณาแล้วก็หลงว่าโครงการนี้ต้องดีเลิศ พอรู้สึกชอบปุ๊ป ก็ตัดสินใจซื้อทันที บางคนก็เลือกซื้อบ้านเพราะเห็นแก่โปรโมชั่น ลดแลกแจกแถมสารพัด โอโห…เห็นแล้วตาลุกวาว แบบนี้ถือว่าพลาดอย่างแรง
เข้าใจตัวเองให้จริง ก่อนคิดจะซื้อบ้าน
สิ่งแรกที่ผู้ที่อยากจะมีบ้านต้องรู้ก็คือ “รู้จักและเข้าใจตัวเอง” คุณต้องถามตัวเองให้ดีว่าคุณกำลังเลือกซื้อบ้านเพื่อตอบโจทย์ข้อใดในชีวิต ? อย่าซื้อโดยดูแค่ตัวบ้านเพียงอย่างเดียว แต่ต้องดูปัจจัยอื่นๆด้วย เช่น เป็นบ้านใหม่ หรือ บ้านมือสอง ดีไซน์เป็นอย่างไร เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของคุณหรือไม่ พื้นที่ประโยชน์ใช้สอย เพื่อนบ้าน ชุมชนโดยรอบ หรือแม้กระทั่งมูลค่าผลตอบแทนที่จะเกิดขึ้นในอนาคตจากตัวบ้านหลังที่คุณซื้อ อย่างต่อมาที่คุณต้องรู้ก็คือ การซื้อบ้านนั้นมีข้อดี-ข้อเสียอะไรบ้าง เพื่อที่เราจะได้ประเมินความพร้อมของตัวเองได้ถูกต้อง
ซื้อบ้านมีด้านที่ดีเสมอ
ข้อดีของการซื้อบ้านนั้นมีตั้งแต่ ถ้าอยู่อาศัยเองก็ได้ความเป็นส่วนตัว ถ้าเอามาปล่อยเช่า หรือตกแต่งเพื่อทำเป็นร้านค้า ก็สร้างมูลค่าเพิ่มขึ้นได้อีก หรือถ้าคิดจะลงทุน การซื้อบ้านก็ถือเป็นการลงทุนที่ดีอย่างหนึ่ง เพราะราคาบ้านจะปรับขึ้นตามระยะเวลา สามารถสร้างผลตอบแทนในอนาคตได้ไม่แพ้การลงทุนประเภทอื่น(ไม่ต้องนั่งลุ้นเหมือนหุ้นว่าจะขึ้นหรือตก) การซื้อบ้านยังถือว่าเป็นการสร้างวินัยในการออม เพราะเงินที่นำไปผ่อนบ้านทุกๆเดือนนั้นจะกลายเป็นการลงทุนสำหรับอนาคต บ้านจึงถือเป็นทุนอย่างหนึ่งที่เราสร้างขึ้นเองได้(Built up Equity) นอกจากนี้ ดอกเบี้ยที่เรากู้ซื้อบ้านยังสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย เป็นการประหยัดเงินในกระเป๋าได้อีกทางหนึ่ง
ซื้อบ้านอย่ามองแต่ด้านดีเพราะด้านเสียก็มี
ข้อเสียของการซื้อบ้านนั้นก็มีเหมือนกันว่ากันตั้งแต่ การมีภาระค่าใช้จ่ายที่ต้องแบกรับไปเต็มๆ อย่างเรื่องของการผ่อนดาวน์ ค่าใช้จ่ายในการตกแต่ง ค่าประกัน ค่าดูแลรักษา ซ่อมแซมบ้านฯ บางคนผ่อนไม่ไหว ขาดส่งค่างวงดให้กับธนาคาร ต้องถูกยึด ถูกบังคับจำนอง หรือหากวันหนึ่งเราต้องรีบใช้เงินด่วน ก็อาจจำเป็นต้องขายบ้านในราคาต่ำกว่าที่ควรจะเป็น
สรุปอีกครั้งว่าการจะซื้อบ้านแต่ละหลังนั้น ต้องมีความละเอียดรอบคอบ ยิ่งถ้าคุณเป็นคนใจร้อนอยู่แล้วยิ่งต้องตัดสินใจให้ช้าลงคิดให้มากขึ้นก่อนการตัดสินใจในการซื้อเป็นอย่างมาก คิดช้าๆและพิจารณาให้ถี่ถ้วนจะได้ไม่ลำบากตัวเอง