เมื่อวันที่ 14 มีนาคม ที่ผ่านมานักเรียนมัธยมในสหรัฐอเมริกาพร้อมใจกันจัดกิจกรรม วอล์กเอาต์จากห้องเรียนเป็นเวลา 17 นาที  เริ่มตั้งแต่เวลา 10.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นของแต่ละพื้นที่ ตามที่ได้เคยประกาศไปก่อนหน้านี้ตามสื่อโซเชียลต่างๆ เพื่อ เพื่อร่วมรำลึกเนื่องในวาระครบรอบ 1 เดือน เหตุการณ์กราดยิงที่โรงเรียนมัธยม “มาร์จอรี สโตนแมน ดักลาส” ที่เมืองพาร์กแลนด์ ในรัฐฟลอริดา และเป็นการกระตุ้นการทำงานของรัฐบาลสหรัฐฯของโดนัลด์ ทรัมป์ ให้จริงจังเกี่ยวกับการแก้ไขกฎหมายควบคุมอาวุธปืน

     เหตุการณ์และกิจกรรมพร้อมใจกันวอล์กเอาท์ของนักเรียนมัธยมในสหรัฐฯครั้งนี้นับเป็นกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ครั้งสำคัญของสหรัฐฯ สิ่งที่น่าสนใจยังมีอีกด้วยว่ากิจกรรมครั้งนี้เกิดขึ้นพร้อมๆกับการประชุมสภาผู้แทนราษฎรที่มีการโหวตมติเสียงข้างมาก 407 ต่อ 10 เสียง ให้มีการอัดฉีดงบประมาณเข้าโครงการป้องกันการเกิดเหตุรุนแรงในสถานศึกษา ซึ่งโครงการนี้ได้มีเป้าประสงค์รวมไปถึงการเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด รวมถึงการตรวจสอบสุขภาพจิตของนักเรียนและบุคลากรในโรงเรียนอย่างละเอียดมากขึ้น นอกจากนั้นแล้วงบประมาณของดครงการดังกล่าวยังจะต้องถูกนำมาใช้จัดทำโครงข่ายระบบให้ผู้ที่อยู่ในโรงเรียนสามารถแจ้งเตือนตำรวจได้อย่างรวดเร็ว เมื่อพบเห็นสิ่งไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับความรุนแรงในโรงเรียน

     แต่อย่างไรก็ดีในประเด็นของกฎหมายควบคุมอาวุธปืน สภาคองเกรสของสหรัฐทั้งสภาสูงและสภาล่างยังคงเสียงแตกในประเด็นสำคัญหลายประเด็น ที่น่าสนใจก็คือ การเพิ่มเกณฑ์อายุขั้นต่ำในการซื้ออาวุธปืนจาก 18 ปีเป็น 21 ปี การเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบประวัติของผู้ซื้อ และการควบคุมการจำหน่ายอาวุธแบบจู่โจม แต่แนวทางทั้งหมดล้วนได้รับการคัดค้านจากสมาคมปืนไรเฟิลแห่งชาติ ( เอ็นอาร์เอ ) ทั้งสิ้น

     และในวันเดียวกันนี้เอง ก็เป็นวันที่นายนิโคลาส ครูซ วัย 19 ปี มือปืนก่อเหตุที่โรงเรียนมาร์จอรี สโตนแมน ดักลาส ขึ้นศาลที่เมืองฟอร์ต ลอเดอร์เดล เพื่อเข้ารับการไต่สวนครั้งใหม่ ด้วยการกดดันของกระแสสังคม ทำให้อัยการเสนอให้ศาลพิจารณาบทลงโทษประหารชีวิตแก่จำเลย แม้ทนายของนิโคลาส ครูซจะยื่นค้านเพราะเห็นว่าลูกความสารภาพและยอมรับผิดแล้วก็ตาม

อ้างอิง : abcnews

RELATED ARTICLESMORE FROM AUTHOR