เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่ามลพิษทางอากาศส่งผลเสียต่อสุขภาพผู้คนอย่างรุนแรง อีกทั้งมีงานวิจัยมากมายชี้ให้เห็นว่ามลพิษทางอากาศทำให้เราเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ โรคหืด และยังส่งผลต่อการเป็นหมันในผู้ชาย แต่ยังไม่มีการศึกษาใดๆที่วิเคราะห์ถึงเรื่องผลกระทบจากมลพิษทางอากาศที่ส่งผลต่อการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์แบบโดยตรงนัก นั่นทำให้ทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยเยล ในสหรัฐอเมริกา ได้ลงสำรวจพื้นที่และทำการศึกษาในเรื่องนี้ และได้ข้อสรุปออกมาคร่าวๆว่า มลพิษในอากาศส่งผลเสียต่อการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์จริง

20160122074545327     ซึ่งการสำรวจเพื่อทำวิจัยครั้งนี้ทีมวิจัยจากวิทยาลัยสาธารณสุขแห่งมหาวิทยาลัยเยล ในอเมริกาได้เข้าร่วมมือทำการศึกษากับ โรงพยาบาลเด็ก และศูนย์สุขภาพมารดาในมณฑลกานซูในประเทศจีน โดยการวิจัยนี้ได้มีการเก็บข้อมูลกลุ่มตัวอย่างที่เป็นผู้หญิงถึง 8,000 คนในเมืองหลานโจว ซึ่งหลานโจวนั้นได้ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งเมืองที่มีมลพิษทางอากาศสูงที่สุดในประเทศจีน การเก็บข้อมูลดังกล่าวนี้เริ่มขึ้นเมื่อ ปี 2010 จนถึง 2012 ข้อมูลที่ได้นักวิจัยก็จะเอามาวิเคราะห์ว่า ฝุ่นละอองที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางตั้งแต่ 10 ไมครอนลงมา หรือ PM10  ที่มีอยู่จำนวนมากในหลานโจว จะส่งผลกระทบต่อผู้หญิงที่ตั้งครรภ์บ้างหรือไม่

     ในท้ายที่สุดเมื่อวิเคราะห์ออกมาแล้วพบว่า มลพิษทางอากาสส่งผลต่อสตรีตั้งครรภ์แน่นอน สตรีที่ตั้งครรภ์หากได้รับมลพิษทางอากาศเข้าไปบ่อยๆ จะยิ่งเสี่ยงทำให้ทารกในครรภ์มีศีรษะโตผิดปกติ แต่ทั้งนี้ทีมนักวิจัยกล่าวว่า นี่เป็นเพียงการสุ่มตัวอย่างเท่านั้น หากจะให้ผลชี้ชัดที่แน่นอนกว่านี้จะต้องมีการศึกษาวิจัยเพิ่มเติมในกลุ่มประชากรอื่นๆ ทั่วโลก จึงจะยืนยันได้แน่นอน นอกจากนั้นแล้วก็ต้องมีการขยายการศึกษาฝุ่นละอองอนุภาคอื่น ที่นอกเหนือจาก PM10 ด้วย ทีมนักวิจัยได้ให้คำแนะนำผู้หญิงในเมืองหลานโจวว่าควรวางแผนการบุตรให้รอบคอบ หากรู้ว่าตนเองจำเป็นที่จะต้องอยู่ท่ามกลางมลพิษทางอากาศก็ยังไม่ควรมีบุตร

     ขณะที่ต่างประเทศเริ่มที่จะมีงานวิจัยในด้านมลพิษทางอากาศที่ส่งผลเสียต่อการตั้งครรภ์ออกก็เป็นเวลาเดียวกันกับสภาพอากาศของกรุงเทพฯก็กำลังอยู่ในภาวะสุ่มเสี่ยงที่จะอันตรายต่อสุขภาพเช่นกัน แม้งานวิจัยนี้ยังไม่ยืนยันแน่ชัด เราก็ควรฟังหูไว้หู เพื่อที่จะได้เตรียมป้องกันตนเองให้ปลอดภัย

อ้างอิง : news.yale.edu