ทุกท่านคงทราบกันดีอยู่แล้วสำหรับเคราะห์กรรมแห่งเผ่าพันธุ์ผู้อาภัพอย่างชาว “โรฮีนจา” ที่ไม่ว่าไปขอพึ่งใบบุญประเทศไหนก็ถูกผลักไสเสียทุกที จนบางทีก็ทำให้ใครบางคนรู้สึกเหมือนกันว่า “พวกเขายังเป็นมนุษย์ในสายตาเราอยู่หรือไม่” และล่าสุดศาลสูงบังกลาเทศก็มีกฎหมายออกมาว่า ห้ามชาวบังกลาเทศแต่งงานกับชาวโรฮีนจา ซึ่งยิ่งลดทอนคุณค่าความเป็นคนของชาวโรฮีนจาลงไปอีก

     สำนักข่างต่างประเทศมีรายงานจากกรุงธากา ประเทศบังกลาเทศว่า เมื่อเดือนส.ค.ที่ผ่านมามีชาวโรฮีนจาหนีจากประเทศเมียนมาเพื่อหลบเลี่ยงสถานการณ์ความไม่สงบที่รัฐยะไข่เข้ามาอาศัยอยู่ในบังกลาเทศ มากกว่า 655,000 คน ซึ่งจริงๆแล้วบังกลาเทศก็ไม่ได้ยินดีนัก แต่ก็ไม่ได้ถึงกับใช้กำลังขับไล่ แต่ถึงอย่างไรก็ดีบังกลาเทศก็ไม่รู้สึกยินดีที่มีชาวโรฮีนจาเข้ามาอยู่ในเขตแดนประเทศของตน ซึ่งเรื่องนี้เห็นได้จาก เมื่อวันที่ 9 ม.ค.ที่ผ่านมาศาลไฮคอร์ตในกรุงธากามีคำพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์และศาลชั้นต้น ในกรณีไม่รับวินิจฉัยคำร้องของนายบาบูล ฮุสเซ็น ซึ่งต้องการให้มีการรับรองการแต่งงานระหว่างบุตรชาย คือนายโชเอบ ฮุสเซ็น วัย 26 ปีกับหญิงสาวชาวโรฮีนจา ซึ่งคนทั้งคู่ได้แอบแต่งงานกันเมื่อเดือน ก.ย.ปีที่ผ่านมา หลังจากแต่งงานกันแล้วคนทั้งคู่ก็ต่างพากันหนีออกจากบ้าน ซึ่งตอนนี้ตำรวจก็ยังไม่พบเบาะแสของคนทั้งคู่

     จากคำสั่งของศาลนั้นพิพากษาให้ครอบครัวของฮุสเซ็นต้องถูกปรับเป็นเงิน 100,000 ตากา ( ราว 38,400 บาท ) เพราะศาลเห็นว่าบุตรชายของนายบาบูล ฮุสเซ็นจงใจกระทำการละเมิดกฎหมาย ซึ่งกฎหมายในข้อนี้ตราขึ้นมาตั้งแต่ปี 57 และที่ต้องมีกฎหมายในข้อนี้ก็เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ผู้ลี้ภัยชาวมุสลิมจากเมียนมาใช้สถานภาพดังกล่าวเป็นช่องทางสู่การได้รับสัญชาติ และสิทธิพลเมืองเทียบเท่าพลเมืองบังกลาเทศ ซึ่งโทษสูงสุดสำหรับผู้ฝ่าฝืนนันรุนแรงถึงขั้นจำคุก 7 ปี เลยทีเดียว นั่นก็คงจะเป็นสิ่งที่ชี้ชัดอยู่แล้วว่าบังกลาเทศไม่ได้ต้องการชาวโรฮีนจาเหมือนกัน

     เกิดมาเป็นมนุษย์เหมือนกันแท้ๆ แต่กลับอยู่ในสถานะเหมือนก้อนเนื้อเดินได้ ไปไหนก็ไม่มีใครอยากรับ ช่างเป็นความอาภัพที่น่าเห็นใจจริงๆ แต่เราก็คงจะทำอะไรไม่ได้ เพราะทุกอย่างมีเหตุผลในตัวเอง ชาวโรฮีนจาไม่มีใครต้องการพวกเขาส่วนหนึ่งนั้นก็เกิดจากพฤติกรรมและนิสัยของพวกเขาเองด้วย ก็คงได้แต่ภาวนาว่าสักวันหนึ่ง พวกเขาจะมีสิทธิ์ดังมนุษย์คนหนึ่งในสายตาชาวโลกบ้าง

ที่มา : dailymail, presstv