อูเบอร์ประเทศไทยได้มีงานวิจัยล่าสุดออกมาว่า กรุงเทพมหานครมีรถยนต์มากกว่า 5.8 ล้านคัน ต้องใช้พื้นที่จอดรถมากกว่า 8 สนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อรองรับรถยนต์ทั้งหมด และคนกรุงเทพฯจะใช้เวลาเฉลี่ยกับรถติดบนถนนวันละ 72 นาทีและเสียเวลาหาที่จอดรถ 24 นาที ทำให้แต่ละปีเสียเวลาไปถึง 24 วันแบบเปล่าประโยชน์

เมื่อศูนย์กลางยังอยู่ที่กรุงเทพฯ

bangkok_large      เป็นที่ทราบกันดีว่ากรุงเทพมหานครเป็นเมืองที่ติดอันดับรถติดเป็นอันดับต้นๆของโลก ประเทศไทยเรามีหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่แพ้ชาติใดในโลก แต่เรื่อง “รถติด” คงไม่มีใครต้องการให้ชื่อของไทยเราไปติดในอันดับต้นๆกันหรอกจริงไหมๆ แต่ไม่ว่าจะกี่ปีผ่านไป เราก็ยังไม่สามารถแก้ปัญหารถติด หรือบรรเทาปัญหานี้ไปได้เลย ไม่ว่าภาครัฐจะออกนโยบายและทุ่มงบต่างๆในการแก้ปัญหาไปเท่าไหร่ก็ยังดูเหมือนว่าไม่มีอะไรคืบหน้าไปจากเมื่อ 10 ปีก่อน และมิหน่ำซ้ำกลับจะทวีความรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย

      คุณทราบหรือไม่ว่าในโลกของเรา ณ ขณะนี้เกิดเทรนด์อย่างหนึ่งขึ้นมานั่นคือ “เทรนด์การสร้างเมืองใหม่” ซึ่งเทรนด์นี้กำลังได้รับความสนใจจากทั่วโลก และเมื่อประมาณปีถึงสองปีที่ผ่านมามีหลายๆประเทศได้ถกปัญหาเรื่องนี้กันอย่างจริงจังมาแล้ว เพราะทั่วโลกต่างประสบปัญหาและกำลังอยู่ในภาวะเดียวกันเป็นส่วนใหญ่นั่นคือ “ประชากรล้น คนแออัด” เมืองหลวงเก่าของหลายๆประเทศเริ่มประสบปัญหาพื้นที่ไม่เพียงพอต่อการอยู่อาศัยและการใช้ชีวิตของประชากร ความเจริญกระจุกตัวอยู่แต่ในเมืองหลวง นั่นทำให้เกิดการไหลบ่าของผู้คนเข้ามาเบียดเสียดกันอยู่ในเมืองหลวง ย้อนกลับมาดูบ้านเรา “กรุงเทพมหานคร” ก็มีสภาพไม่ต่างกัน ทุกคนคิดว่าจะมาขุดทองสร้างเนื้อสร้างตัวกันที่กรุงเทพฯเสียทั้งหมด อาชีพมาล้นอยู่ในเมืองกรุง คนต่างจังหวัดก็ได้แต่ทำตาปริบๆ ว่าเมื่อไหร่ความเจริญไปถึงพวกเขาบ้าง แต่จนแล้วจนรอดความเจริญก็ยังไม่กระจายออกจากกรุงเทพฯเสียที เมื่อกรุงเทพฯกลายเป็นศูนย์กลางของทุกสิ่งทุกอย่าง อาชีพ ที่อยู่อาศัย สถานศึกษาชั้นนำ เทคโนโลยี ความเจริญ การคมนาคม ก็ยากเหลือเกินที่คนจะไม่เข้ามาขุดทองในเมืองกรุง คนเยอะระบบสาธารณะสุข การขนส่งมวลชน การคมนาคมอื่นๆก็ต้องพัฒนารองรับจำนวนคนที่เพิ่มขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ที่ตลกก็คือ ยิ่งทำยิ่งพัฒนากลับไม่มีอะไรดีขึ้น

แนวคิดเมืองใหม่ เมืองไทยก็น่าลอง

city-at-sunset_1127-2123     หลายๆประเทศทั่วโลกมีประสบปัญหาความแออัดในเมืองหลวง จึงผุดไอเดีย “สร้างเมืองใหม่” ซึ่งนั่นก็คือแนวคิดย้ายเมืองหลวง หรือ ให้มีเมืองหลวงเก่าและเมืองหลวงใหม่ควบคู่กันไป อย่าง บราซิล ไนจีเรีย เมียนมาร์ ประเทศเหล่านี้มีการสร้างย้ายเมืองหลวงเพื่อกระจายความเจริญออกไป บางประเทศไม่ย้ายเมืองหลวง แต่ใช้การสร้างเมืองใหม่เลย เช่น ปุตราจายาของมาเลเซีย และล่าสุดเมื่อประมาณปีเศษๆ ทางประเทศ

     อียิปต์ก็กำลังจะดำเนินนโยบายสร้างเมืองใหม่ขนาด 700 ตารางกิโลเมตรชานกรุงไคโรเช่นกัน การสร้างเมือใหม่นี้ก็เพื่อลดปัญหาความแออัดของประชากรในอียิปต์ที่ดูท่าจะทวีความรุนแรงมากขึ้นในอนาคตอันใกล้ โดยทางอียิปต์คาการณ์ว่าอีก 40 ปีข้างหน้า ประชากรในอียิปต์จะเพิ่มขึ้นอีก 2เท่าตัวทำให้ปัญหาในหลายๆด้านเกิดขึ้น ซึ่งปัญหาเหล่านั้นจะล้วนเป็นปัญหาที่บั่นทอนคุณภาพชีวิตของผู้คนในอียิปต์อย่างแน่นอน ทางรัฐบาลของอียิปต์จึงเตรียมจัดสรรงบประมาณที่คิดเป็นเงินไทยแล้วอยู่ที่  1 ล้าน 4 แสน 8 หมื่นล้านบาท เพื่อสร้างที่อยู่อาศัย สำนักงาน ศูนย์ราชการ ย่านเศรษฐกิจ โรงเรียนอีกกว่า 2,000 แห่ง และศูนย์สุขภาพประชาชนและโรงพยาบาลมากกว่า 600 แห่ง บนพื้นที่ 700 ตารางกิโลเมตร โดยคาดว่าจะใช้เวลา 7 ปีในการสร้างเมืองใหม่นี้ขึ้นมา

     ในขณะที่เทรนด์การสร้างเมืองใหม่นี้กำลังเป็นที่สนใจและถกเถียงกันในต่างประเทศ ย้อนกลับมามองประเทศไทยของเราจริงๆก็ไม่ใช่ว่าเมืองไทยเราจะไม่รับเทรนด์การสร้างเมืองใหม่ ในสมัยหนึ่งเคยมีการยื่นเสนอต่อรัฐสภามาแล้วว่าน่าจะมีการย้ายเมืองหลวงของไทย หรือสร้างเมืองใหม่ที่นครนายกหรือเพชรบูรณ์ แต่เรื่องนี้ก็ต้องตกไปเพราะจากสภาพการเมืองที่ไม่นิ่งในปัจจุบัน

เปลี่ยนคนหรือเปลี่ยนเมืองอันน่าน่าจะได้ผลกว่ากัน

city_people1     แม้ว่าเทรนด์การสร้างเมืองใหม่หรือการย้ายเมืองหลวงจะเป็นอะไรที่น่าสนใจ แต่ทว่าจะแก้ปัญหารถติดได้หรือไม่นั้นก็ไม่มีใครบอกหรือการันตีได้ 100 % เพราะถ้ามองกันในปัญหาจริงๆ เรื่องรถติดของกรุงเทพฯนี้ไม่ได้อยู่ที่ความแออัดของผู้คนเท่านั้น ปัญหามีความซับซ้อนกว่านั้นมาก เพราะลักษณะนิสัยและความคุ้นชินในการใช้ชีวิตของคนไทย กลายเป็นวัฒนธรรมแบบ “ไทยๆ” ไปเสียแล้ว น้ำใจที่น้อยลง อารมณ์ที่ขึ้นง่าย และวินัยที่ไม่เคยมีทำให้เราประสบปัญหาเรื่องรถติดด้วยเช่นกัน ดังนั้น คำถามที่น่าสนใจก็คือ ระหว่างลงทุนเปลี่ยนเมืองหลวงกับการลงทุนเพื่อสร้างความเข้าใจและวัฒนธรรมการใช้ชีวิตใหม่ให้กับคนไทยอะไรจะเป็นเรื่องที่ทำได้จริงและมีความได้ผลมากกว่ากัน ?

คับที่อยู่ได้ แต่คับใจเพราะคนไทยด้วยกันเองนี่สิ เราจะอยู่กันได้ไหม