สรรพสำเนียงเสียงที่ธรรมชาติสร้างสรรค์ขึ้นมาบนโลกอย่างเสียงน้ำไหล เสียงคลื่นทะเล เสียงนกร้อง หรือจะเป็นเสียงดนตรีที่แต่งขึ้นมาจากคีตกวีผู้อัจฉริยะ แม้กระทั่งเสียงรบกวนอันน่าเบื่ออย่างเสียงแตรรถ เสียงตะโกนคุยกัน เสียงซุบซิบนินทา ทั้งหมดเหล่านี้มันจะมีคุณค่าความหมายอะไรหรือไม่ ถ้าคุณ “หูหนวก” ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย

4DQpjUtzLUwmJZZPD3G0A35CKme57XJgREXsKzsPc2j4

     Wonderstruck อัศจรรย์วันข้ามเวลา ภาพยนตร์เรื่องนี้มีการเล่าเรื่องได้น่าสนใจและมีความแตกต่าง ภาพยนตร์ที่บอกเล่าเรื่องราวของเด็กหูหนวก 2 คน ที่มีความแตกต่างทั้งเพศและช่วงเวลา แต่ชีวิตของทั้ง 2 ถูกเชื่อมโยงกันอยู่ในภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วยโลกแห่งความเงียบท่ามกลางสีสันและความอึกทึกคึกโครมแห่งมหานครนิวยอร์ก เส้นทางที่ไม่น่าจะมาบรรจบกัน ก็มาพบเจอกันได้หลังจากเวลาได้ผ่านไป 50 ปี

Wonderstruck_still2-600x338     ช่วงต้นปีแบบนี้โดยส่วนใหญ่จะเป็นช่วงที่คนรักหนังจะได้มีโอกาสดูภาพยนตร์พิเศษๆ ที่มีชื่อเข้าชิงรางวัลต่างๆ และแม้ภาพยนตร์บางเรื่องอาจะไม่ได้โดดเด่นจนมีรายชื่อเข้าชิงรางวัลอะไรแม้แต่รางวัลเดียวก็ตาม แต่ก็ยังมีความสะดุดตาจนถูกเลือกให้เข้าฉายในช่วงนี้ด้วยเช่นกัน Wonderstruck หรือในชื่อไทยคือ อัศจรรย์วันข้ามเวลา เป็นภาพยนตร์ที่อาจไม่โดดเด่นหวือหวาในบ้านเรานัก แต่สำหรับในต่างประเทศภาพยนตร์เรื่องนี้ถือว่าน่าสนใจทีเดียว Wonderstruck ได้ถูกเปิดตัวครั้งแรกที่เทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ปี 2017 ที่ผ่านมา แต่เรื่องนี้จะเข้าฉายให้คนไทยได้ดูปีนี้ ซึ่งเราอยากบอกว่าเป็นภาพยนตร์ดีๆอีกเรื่องที่คุณไม่ควรมองข้าม

     Wonderstruck เนื้อเรื่องบอกเล่าเรื่องราวของ เด็ก 2 คน คือ “เบน” และ “โรส” ที่เป็นคนหูหนวก แต่สิ่งที่หนังนำเสนอได้อย่างน่าสนใจก็คือ เบนเป็นเด็กผู้ชายที่อยู่ในยุค 1977 สูญเสียการได้ยินไปเพราะถูกฟ้าผ่า ส่วนโรสเป็นเด็กผู้หญิงที่อยู่ในยุค 1927 สูญเสียการได้ยินไปตั้งแต่กำเนิด เด็กทั้ง 2 คน ต่างมีความคล้ายกันตรงที่หูหนวกและเดินทางมานิวยอร์กเหมือนกัน แต่จุดประสงค์การเดินทางมานิวยอร์กของเด็กทั้งคู่นั้นแตกต่างกันและเรื่องราวของทั้งคู่เกิดขึ้นต่างช่วงเวลากันถึง 50 ปี คน 2 คนใน 2 ช่วงเวลาที่แตกต่าง กับการเดินทางที่เหมือนความฝันและในที่สุดโลกมันก็กลมจริงๆ เมื่อพวกเขาได้พบสายสัมพันธ์และจุดเชื่อมโยงพวกเขาทั้งสองเข้าด้วยกัน แม้กาลเวลาจะห่างกัน 50 ปีก็ตาม

wonderstruck-1280-1507161842941_1280w     ความโดดเด่นของ Wonderstruck นอกจากเรื่องของการผูกโยงเรื่องแล้ว ก็น่าจะเป็นประเด็นเรื่องของการนำเสนอเรื่องราวด้วยภาพที่มีความโดดเด่น ภาพยนตร์เรื่องนี้ตั้งใจนำเสนอในรูปแบบหนังเงียบเสียเป็นส่วนใหญ่ เพราะเป็นเรื่องราวของคนหูหนวก ฉะนั้น คนที่จะดูหนังเรื่องนี้ก็ต้องตั้งใจและใช้ความอดทนในการพยายามเชื่อมโยงเรื่องราวอยู่ไม่น้อย (แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะดูยากนะ) อย่างที่กล่าวไปแม้หนังจะเป็นหนังเงียบแต่ด้วยภาพที่โดดเด่นชัดเจน สามารถทำให้เราเข้าใจเนื้อเรื่องได้ไม่ยากนัก เรื่องราวของโรสที่เกิดขึ้นในยุค 1927 จะถูกนำเสนอเป็นภาพขาวดำ ส่วนเรื่องราวของเบน ที่เกิดขึ้นในยุค 1977 จะถูกถ่ายทอดเป็นภาพสี การให้ความสำคัญกับภาพและโทนสีนี่เองที่ทำให้เราสัมผัสได้ถึงยุคสมัยที่แตกต่างของทั้ง 2 ยุคนี้อย่างเข้าใจได้ง่าย นับเป็นกลวิธีการเล่าเรื่องด้วยภาพที่แยบยลและคมคายดีทีเดียว

     Wonderstruck อัศจรรย์วันข้ามเวลา จัดว่าเป็นหนังที่ขายสไตล์ เผินๆอาจดูว่าไม่มีอะไร แต่เรื่องนี้เต็มไปด้วยจุดที่น่าสนใจอย่างยิ่ง มีเสน่ห์ที่ชวนให้เราต้องติดตาม เรื่องนี้เป็นผลงานกำกับโดย ทอดด์ เฮย์นส์ (ผู้กำกับ Carol) ซึ่งเขาได้นำนิยายภาพชื่อเดียวกันของ ไบรอัน เซลซ์นิค มาทำเป็นภาพยนตร์ออกมาเป็นแนวโรแมนติกอย่างที่เห็นซึ่งทำให้เราเห็นโลกคู่ขนานในมุมที่เข้าใจง่ายและมีความหมายมากกว่าที่เราคิด

     และหนังเงียบแบบนี้ถ้าไม่ได้นักแสดงเก่งๆ มาชูโรงล่ะก็ บอกเลยว่าตายสนิท ฉะนั้นเรื่องนี้จึงได้นักแสดงเด็ก โอ๊คส์ เฟกลีย์ ที่หลายคนอาจคุ้นจาก Pete Dragon (2016) มานำแสดงในเรื่องนี้ซึ่งฝีมือการแสดงของเขามีพัฒนาการไปมาก การแสดงออกทางสีหน้าบ่งบอกถึงอารมณ์สามารถสะกดเราให้อยู่กับเขา รับรู้ถึงอารมณ์ของตัวละครได้ดีจริงๆ อีกทั้งบทของโรสที่ได้ มิลลิเซนต์ ซิมมอนด์ส นักแสดงเด็กที่มีปัญหาทางการได้ยินจริงๆมาแสดง ซึ่งเธอทำออกมาได้เยี่ยมยอดมาก สามารถวัดบทบาทกับดารามืออาชีพได้อย่างสบาย และปีนี้เธอยังมีผลงาน A Quiet Place หนังสยองขวัญที่เล่นกับความเงียบอีกเรื่องด้วย เป็นอีกหนึ่งงานน่าสนใจจากเธอคนนี้ นอกจากนี้ยังได้ดารารุ่นใหญ่เจ้าบทบาทมาสมทบ อย่าง มิเชลล์ วิลเลียมส์ และ จูลีแอนน์ มัวร์ ซึ่งยิ่งเติมความหมายและคุณค่าของหนังให้น่าดูยิ่งขึ้นไปอีก

     Wonderstruck อัศจรรย์วันข้ามเวลา หนังที่จะเปิดใจคุณให้กลับมาค้นหาความหมายของการมีชีวิตอยู่ของคุณอีกครั้ง ว่าอะไรที่ดีที่สุดและเหมาะสมสำหรับชีวิตคุณ เริ่มค้นหาคำตอบได้แล้ววันนี้ที่โรงภาพยนตร์ หนังเริ่มฉายไปแล้ว ตั้งแต่วันที่ 25 มกราคม มีเวลาก็รีบไปดูกันนะ