หลังจากที่ทางสหรัฐฯประกาศตัดงบสนับสนุนให้กัมพูชาอันเป็นจำนวนเงินกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์ ทำให้รัฐบาลของกัมพูชาตกใจไม่น้อย แต่ถึงอย่างไรทางรัฐบาลกัมพูชาภายใต้การควบคุมโดยนายฮุน เซน ก็ยังจะเดินหน้าต่อไปโดยไม่เปลี่ยนแปลงอะไร แต่มีการฝากทิ้งท้ายด้วยว่า การกระทำของสหรัฐในครั้งนี้ ถือว่าเป็นเป็นการไม่เคารพในหลักประชาธิปไตยในกัมพูชาเอาเสียเลย

8D5B0C4A-792B-4557-9C90-128D4BB35A84_cx0_cy1_cw81_w1023_r1_s     มีรายงานข่าวจากกรุงพนมเปญว่า นายเฟย สีพัน โฆษกคณะรัฐบาลกัมพูชาได้ออกมาบอกว่า นายฮุน เซน รู้สึกเสียใจและตกตะลึงกับท่าทีของรัฐบาลสหรัฐที่ออกมาประกาศตัดงบช่วยเหลือกัมพูชา ทั้งๆที่รัฐบาลของนายฮุน เซนก็ดำเนินนโยบายทุกอย่างเป็นไปตามหลักประชาธิปไตยทุกอย่าง แม้ว่าทางรัฐบาลสหรัฐฯจะไม่สนับสนุนงบประมาณช่วยเหลือต่อไปก็ไม่เป็นไร เพราะทั้งนี้รัฐบาลกัมพูชาก็ดำเนินตามเส้นทางเดิมเป็นประชาธิปไตยในแบบกัมพูชาเอง และการกล่าววิจารณ์รัฐบาลกัมพูชาจากทางวอชิงตันถือว่าเป็น “ดูหมิ่น” กระบวนการประชาธิปไตยในกัมพูชาอย่างมากเลยทีเดียว

     ทางฝ่ายสหรัฐฯตัดสินใจประกาศตัดงบช่วยเหลือจำนวนในี้ในกัมพูชาก็เพราะมองว่า กัมพูชากำลังเข้าสู่ภาวะเสื่อมถอยทางประชาธิปไตย การมีรัฐบาลพรรคใหญ่พรรคเดียวแบบที่นายฮุน เซนทำนั้น ไม่ถือว่าเป็นแนวทางประชาธิปไตยอย่างแท้จริง และนอกจากมาตรการตัดงบช่วยเหลือแล้ว ทางกระทรวงต่างประเทศสหรัฐยังมีมาตรการลงโทษกัมพูชาในทางอื่นด้วยนั่นคือ ระงับการออกวีซ่าให้แก่พลเมืองกัมพูชาที่มีพฤติกรรมในเชิงส่อไปให้เห็นถึงการ “บ่อนทำลายประชาธิปไตย” นี่ถือเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าสหรัฐฯไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งวุฒิสภาที่เพิ่งเกิดขึ้นในกัมพูชา อีกทั้งจะไม่ยอมรับการเลือกตั้งทั่วไปที่จะมีขึ้นในวันที่ 29 ก.ค.61ที่จะถึงนี้อีกด้วย

     เหตุการณ์ในกัมพูชาสะท้อนให้เห็นสถานะประชาธิปไตยในบ้านเราด้วยเช่นกัน ซึ่งอาจจะดูคล้ายๆกัน ฉะนั้น จึงหน้าหวั่นอยู่ไม่น้อยภายใต้บริบทการบริหารงานของรัฐบาลทหารคสช. ต่างประเทศอาจมองว่าไทยเราไม่เคารพสิทธิ์ในความเป็นประชาธิปไตยเท่าที่ควรจนทำให้เกิดมาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจอื่นๆตามมาภายหลังได้ ก็หวังว่าไทยเราจะเอาตัวรอดและผ่านพ้นเรื่องเหล่านี้ไปได้โดยไม่กระทบกับปากท้องประชาชนมากนัก