เชื่อว่าการจะลงทุนกับบ้านและคอนโดหลังแรกของคนรุ่นใหม่ คงไม่มีใครคิดที่จะซื้อแล้วอยู่ไปจนเสียชีวิต ส่วนใหญ่แล้วการลงทุนซื้อบ้านหรือคอนโดของคนรุ่นใหม่ อาจเป็นความพอใจในการซื้อเพื่ออยู่อาศัยเพียงระยะหนึ่ง และก็มีการรอจังหวะเก็งกำไร เมื่อที่อยู่อาศัยนั้นมีราคาสูงขึ้นจนถึงระดับที่พอใจก็จะขายออกไป นี่เป็นลักษณะนิสัยการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ของคนรุ่นใหม่ส่วนใหญ่

หลักสำคัญในการซื้อบ้านนั้นแตกต่างจากการซื้อคอนโด

การจะเลือกลงทุนกับบ้านนั้นอาจมีความแตกต่างจากคอนโด เพราะบ้านจะต้องดูเรื่องของ Grown หรือมูลค่าเพิ่มในอนาคตข้างหน้าของบ้านด้วย เช่นถ้าเราซื้อบ้านราคา 1 ล้านบาท อยู่ไป 5 ปี ราคาเพิ่มแค่ 5 หมื่น อันนี้ถือว่าไม่คุ้ม เพราะการซื้อบ้าน ก็คือ การลงทุนอย่างหนึ่ง และเมื่อเป็นการลงทุนก็ให้ยึดหลักการคล้ายๆกับการลงทุนหุ้น อย่างแรกที่ต้องดูก็คือ

  • ราคาเริ่มต้นในการซื้อต้องไม่แพง
  • อยู่ในทำเลที่มี Grown และมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
  • พิจารณาส่วนอื่นเพิ่มเช่น อัตราเงินเฟ้อ ค่าเช่า ฯลฯ

เพราะฉะนั้นถ้าเราจะซื้อบ้านหลังแรก เราก็ควรคิดถึงประเด็นการขายออกไว้บ้าง เราต้องดูว่าถ้า 7 – 10 ปี แล้วเราจะย้ายออกไป หากบ้านที่ซื้อมาทำเลไม่ดีไม่มีใครสนใจ แถมราคาก็ไม่ขยับไปไหนเท่ากับการซื้อบ้านครั้งนี้แทบจะไม่ได้อะไรเลย

เลือกบ้านได้ดี การขายก็ไม่ยาก

สมมติเรามีบ้านที่ดีแล้ว เรื่องของการขายให้ได้ราคาก็ไม่ยากเกินไป เพราะตอนนี้มีอยู่หลายช่องทาง หลายคนเลือกขายเองผ่านเว็บไซต์ โดยดูจากราคาที่คนอื่นตั้งไว้ แล้วก็ตั้งราคาตาม แต่บางทีถ้าเราทำแบบนี้ ทั้งชีวิตนี้ก็อาจจะขายไม่ได้ เพราะราคาเปิดในเว็บไซต์นั้นจะแพงอยู่แล้ว มันไม่ใช่ราคาที่แท้จริง เพราะเวลาขายได้ ไม่มีใครมาบอกเราอยู่แล้วว่าราคาสุดท้ายที่ซื้อขายกันอยู่ที่เท่าไหร่

อีกช่องทางการขายก็คือ ให้ตัวแทนจากโครงการขายให้ วิธีนี้จะสะดวกที่สุด เพราะเขาคือผู้เชี่ยวชาญด้านการขาย มีช่องทางที่มากกว่า มีราคาที่แท้จริงให้ดู จริงอยู่ว่าชื่อเสียงของตัวแทนนั้นมีเรื่องของ “ชื่อเสีย” อยู่บ้าง แต่นั้นเป็นเรื่องสมัยก่อน มาในสมัยนี้เรื่องแบบนี้ไม่มีแล้ว เพราะตัวแทนขายจากผู้ประกอบการจะทำทุกอย่าง เพื่อให้ลูกค้าขายได้ โดยจะคิดค่าธรรมเนียมเพียง 3% ของราคาขาย(ซึ่งปกติโครงการจะบวกเพิ่มไว้ในราคาขายไม่ใช่มาตัดเงินจากเราตอนขายได้) ฉะนั้นข้อเสียของการใช้ตัวแทนขายให้จึงแทบจะไม่มีเลย

การซื้อบ้านแบบคนรุ่นใหม่นั้น บางทีก็เหมือนกับการลงทุนที่ไม่ยึดติดในความผูกพัน พอเห็นกำไรเมื่อไรก็ขายออกทันที ดังนั้นการเลือกลงทุนก็ต้องเลือกให้ดี ต้องมองให้รอบด้านถึงจะรู้ว่าตรงไหนมีโอกาสที่มูลค่าจะเพิ่มขึ้นในอนาคตบ้างและก็คัดสรรเพื่อให้แน่ใจที่สุดอีกครั้ง