เกิดปรากฏการณ์ที่ไม่น่าเชื่อในวงการการเงินธนาคารพาณิชย์ไทย เมื่อ 6 ธนาคารพร้อมใจกันงัดกลยุทธ์ ‘ฟรีค่าธรรมเนียม’ มาใช้สำหรับการทำธุรกรรมผ่านแอพพลิเคชั่นบนมือถือในปี 2561 นั่นคือศึกอย่างเป็นทางการของการธนาคารของไทยที่แข่งกันเรียกลูกค้า คราวนี้ ‘ธนาคารออมสิน’ ไม่ขอยอมแพ้ในศึกนี้ประกาศกร้าว ออมสินขอจัดหนัก เพราะมีดีที่มากกว่าฟรีค่าธรรมเนียม
จากกระแสของ FinTech ที่กำลังบูมในบ้านเรา ประกอบกับเทรนด์ยุคโซเชียลมีเดียกำลังเข้ามาเกาะอิงกับไลฟ์สไตล์ของผู้คนทำให้บทบาทของธนาคารต้องค่อยๆปรับตัวเปลี่ยนไปตามยุคสมัย เพื่อประคองฐานลูกค้าไว้ และเมื่อ Digital Disrupt เข้ามายิ่งทำให้วงการธนาคารต้องพลิกบทบาทครั้งใหญ่กันอีกครั้ง เทคโนโลยีทางการเงิน Fintech, Payment, Blockchain, Cloud หรือ AI ทำให้โลกของการธนาคารเดินไปเร็วเกินกว่าที่จะคาดกันไว้ได้ทัน ธนาคารหลายแห่งกว่าจะปรับตัวกันได้ก็เรียกว่าเหนื่อยทีเดียว
ในส่วนของกลยุทธ์ ‘ฟรีค่าธรรมเนียม’ นั้นธนาคารพาณิชย์ไทยมีการคุยกันเรื่องนี้ไว้คร่าวๆนานแล้ว แต่ทั้งหมดก้ไม่มีใครคาดคิดว่าจะต้องงัดกันออกมาใช้เร็วกว่าที่คาดกันไว้ถึง 3 ปีแบบนี้ ซึ่งตอนนี้ธนาคารทุกแห่ง เพิ่งย้ายระบบโอนที่ใช้เลขบัญชีในการโอนขึ้นระบบพร้อมเพย์ ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งเรื่องระบบชำระเงิน หรือ Local Swithing, Currency Sawp ระบบเหล่านี้มีส่วนอย่างยิ่งที่ทำให้ระบบเดิมๆของทุกธนาคารต้องเปลี่ยนไปไวกว่าที่กำหนดกันไว้ ประกอบกับเทคโนโลยีที่พัฒนาไปเร็วกว่าที่คิดทำให้ธนาคารต้องรีบปรับตัวเพื่อชิงความได้เปรียบ
นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการ ธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ทางธนาคารออมสินเองก็ขอลงแข่งขันในศึกครั้งนี้ด้วย สิ่งพิเศษที่ถือว่าเป็นของขวัญชิ้นใหญ่ให้กับลูกค้าธนาคารออมสินเลยก็คือ เราจะมีมากกว่าการยกเว้นค่าธรรมเนียมสำหรับธุรกรรมออนไลน์ เพียงแต่ตอนนี้ยังประกาศออกไปไม่ได้ต้องรออนุมัติอย่างเป็นทางการก่อน
จากข้อมูลคร่าวๆนี้ ก็ทำให้เราได้ทราบกันแล้วว่า อุตสาหกรรมธนาคารทั้งระบบกำลังจะดึงฐานลูกค้าลงสู่บริการทางการเงินที่เป็นแพลตฟอร์มดิจิตอล และประโยชน์จะไม่อยู่แค่เพียงธนาคาร ประโยชน์จะลงมาสู่ผู้ใช้บริการที่เป็นลูกค้าธนาคารทั้งหลายด้วย ในแง่ของความสะดวกรวดเร็วและความปลอดภัย ฟรีค่าธรรมเนียมนี่ก็เรียกได้ว่าเยี่ยมยอดแล้ว ถ้าธนาคารออมสินเผยไต๋ว่ามีมากกว่านั้นอีก ก็คงต้องมาลุ้นกันดูว่าจะมีอะไรดี และ ธนาคารอื่นๆจะปรับตัวตามมาอีกหรือไม่
คำถามที่ตามมาก็คือ ค่าธรรมเนียมปกติเป็นรายได้ของทางธนาคาร หากฟรีค่าธรรมเนียมและมีมากกว่านั้น ธนาคารจะปรับตัวกันอย่างไร เรื่องนี้นายปรีดี ดาวฉาย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า ส่วนนี้ยังเป็นประเด็นที่ธนาคารพาณิชย์ทุกแห่งยังคงหนักใจกันอยู่ เพราะปกติแล้วธนาคารจะมีรายได้จากดอกเบี้ย 60% และรายได้ค่าธรรมเนียม 40% เมื่อรายได้ส่วนนี้ลดลง ต้องหาธุรกิจที่จะมาช่วยชดเชย เช่น อี-คอมเมิร์ซ ซึ่งธนาคารได้ลองทำแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถชดเชยได้ เพราะยังเก็บค่าธรรมเนียมไม่ได้ หรือ การจะปรับขึ้นค่าธรรมเนียมธุรกรรมบางอย่าง ก็เป็นเรื่องยาก
ทางด้านนายฐากร ปิยะพันธ์ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านกรุงศรีคอนซูเมอร์ และผู้บริหารสายงานดิจิทัลแบงก์กิ้งและนวัตกรรม ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ช่วงนี้ทุกธนาคารเน้นบริหารจัดการต้นทุนภายในให้ได้ก่อน เพื่อรอขั้นตอนหารายได้ที่จะมาชดเชย ซึ่งเชื่อว่าต่อไปธุรกิจประกันและสินเชื่อรายย่อยจะดุเดือดมากขึ้น เพราะเป็นธุรกิจที่มีส่วนต่างกำไรอยู่ (Margin) ถ้าสามารถคุมความเสี่ยงได้ โดยสินเชื่อรายย่อยจะเห็นการแข่งขันในด้านอัตราดอกเบี้ยมากขึ้น เพื่อชดเชยรายได้
การปรับตัวแบบนี้ดูไปแล้วก็มีทั้งส่วนดีและส่วนเสียสำหรับลูกค้าธนาคารจริงอยู่ได้ความสะดวกสบายมากขึ้น แต่ใครที่เป็นลูกค้ากู้ยืมสินเชื่ออาจจะหนักใจหน่อย เพราะมีแนวโน้มว่าจะโดนอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ก็ต้องรอดูกันต่อไปว่าทิศทางของเทรนด์ธนาคารพาณิชย์ไทยจะก้าวไปสู่จุดไหน