จะดีแค่ไหนถ้านิทานพื้นบ้านสุดคลาสสิกต่างๆ กลายมาเป็นสิ่งที่ใกล้ตัว มองเห็นภาพชัดเจนมากขึ้น แบบไม่ต้องเสียเวลาไปนั่งนึก เด็กๆคงจะมีเวลาที่จะเรียนรู้อะไรๆได้อีกมากทีเดียว และนี่อาจเป็นแนวทางสร้างจินตนาการอันไม่มีที่สุดสุดของเด็กๆต่อไปได้มากขึ้น ทั้งหมดนี้จึงเป็นที่มาทำให้นักวิจัยอังกฤษพยายามเปลี่ยนหนังสือธรรมดาให้กลายเป็น “หนังสือ 3 มิติ” เพื่อให้เด็กๆและเยาวชนได้ตื่นเต้นกับการอ่านหนังสือมากยิ่งขึ้น
ด็อกเตอร์ เจมส์ บัทเลอร์ นักวิจัยแห่งมหาวิทยาลัยแลงคาสเตอร์ในอังกฤษได้กล่าวว่า เขาและทีมงาน ได้พยายามที่จะสร้างสรรค์และพัฒนาสิ่งเก่าอย่างหนังสือนิทานเด็กแบบยุคคลาสสิก ที่เป็นที่รู้จักกันดีให้กลายมาเป็นสิ่งที่ที่มีคุณค่าร่วมสมัยมีประโยชน์ต่อเด็กและเยาวชนรุ่นใหม่ โดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เข้ามาช่วย โดยได้นำซอฟเเวร์ที่ใช้พัฒนา Minecraft มาใช้ประโยชน์ในแง่นี้ เพื่อทำให้หนังสือนิทานธรรมดากลายเป็นหนังสือ 3 มิติ ที่มีชีวิตขึ้นมาจริงๆ
เมื่อเป็นดังนี้แล้วพวกเขาจึงตั้งโครงการที่ชื่อว่า “หนังสือมีชีวิต” ขึ้นมา ซึ่งโครงการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งในโครงการของทีมนักวิจัยอังกฤษที่พยายามที่จะพัฒนาหนังสือสำหรับเด็กแบบTรรมดาให้กลายมาเป็นหนังสือเด็กในรูปแบบ 3 มิติ สามารถนำมาใช้งานบนหน้าจอสื่อสมัยใหม่อย่าง iPad ได้
ศาสตราจารย์ ซัลลี่ บุชเชล หนึ่งในทีมนักวิจัย ได้กล่าวว่า การพัฒนาหนังสือ 3 มิติ ในครั้งนี้ไม่ใช่เป็นแค่การนำเรื่องราวเดิมๆมาทำเป็น 3 มิติ แต่นี่คือการนำเทคโนโลยีมาทำให้จินตนาการเกิดขึ้นจริงได้ แม้เพียงจะ 10 – 20 % เท่านั้นก็ตาม แต่อย่างน้อยมันก็ช่วยให้เด็กสามารถมองเห็นจินตนาการได้ใกล้เคียงมากขึ้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นสิ่งที่ช่วยให้พวกเขาสามารถที่จะต่อยอดจินตนาการออกไปและสามารถนำจินตนาการเหล่านั้นมาเชื่อมโยงกับชีวิตจริงได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
หากจะมองว่านี่คือการนำหนังสือไปทำเป็นเกมคอมพิวเตอร์ก็น่าจะกล่าวได้ไม่ผิดหนัง ทำให้หนังสือที่ดูเป็นเรื่องยากสำหรับเด็กกลายเป็นเรื่องง่ายเข้าไปมากขึ้น นั่นหมายความว่าการเรียนรู้มันไม่ได้จำกัดอยู่แค่ตัวอักษรอีกต่อไป การเล่นก็คือการเรียนรู้ได้ และหนึ่งในหนูน้อยที่ได้ร่วมทดลองกับโครงการนี้คือ หนูน้อยดีแลน วัย 9 ขวบ เขาได้สัมผัสกับหนังสือ 3 มิติรูปแบบนี้แล้วกับนิทานเรื่อง “Treasure Island” บนหน้าจอ iPad ซึ่งเขากล่าวว่า
“มันไม่มีเหมือนการอ่านหนังสือ แต่เหมือนการเล่นเกม เรื่องราวในหนังสือผมสามารถรับรู้ได้โดยตลอดและผมก็รู้ด้วยว่าผมควรจะทำอะไร ปฏิบัติอย่างไรกับเนื้อเรื่องตอนที่ผมอ่านอยู่”
ทั้งหมดนี้คือความก้าวหน้าของโลก ที่กำลังจะเข้ามาเปลี่ยนวิธีการเรียนรู้และการสัมผัสประสบการณ์ของคนรุ่นใหม่ ซึ่งน่าตื่นเต้นกับคนรุ่นใหม่ไปด้วยที่จะไม่ต้องใช้วิธีการเรียนรู้แบบเดิมๆที่แสนจะน่าเบื่ออีกแล้ว
อ้างอิง : themalaymailonline