กรุงจาการ์ตาของอินโดนีเซียก็เป็นอีกหนึ่งเมืองที่มีการจราจรที่คับคั่ง และถึงขนาดติดอันดับเมืองที่มีรถติดมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลกเหมือนกัน ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเรื่องการดูแลและแก้ปัญหาการจราจรของอินโดนีเซียประเมินว่า ประเทศต้องเสียงบประมาณและโอกาสทางเศรษฐกิจไปกับปัญหาดังกล่าวสูงกว่าหนึ่งหมื่นล้านดอลลาร์ นั่นจึงทำให้ทางการเริ่มพิจารณาเทรนด์การสร้างเมืองใหม่เพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นนี้

     เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเพ้อฝันหรือเป็นไปไม่ได้ ขณะนี้หลายๆประเทศทั่วโลกกำลังสนใจการ “ย้ายเมืองหลวง” เทรนด์การสร้างเมืองใหม่จึงถูกหยิบยกมาเป็นประเด็นพิจารณาใหญ่ของประเทศต่างๆ เพราะการ “ย้ายเมืองหลวง” ไม่ใช่เรื่องที่จะทำกันได้ง่ายๆ มีปัจจัยมากมายที่จะต้องคิดและวางแผนให้ดีก่อน สำหรับอินโดนีเซียก็ประสบปัญหาแบบบ้านเราคือมีรถติดหนักมาก ผู้คนต้องเสียเวลาไปมากมายกับการจราจรที่แน่นขนัด ความเจริญกระจุกตัวนำมาซึ่งปัญหาหลายด้านที่เริ่มแก้ไม่ตก ไม่ว่าจะเพิ่มงบประมาณในการจัดการไปเท่าไหร่ก็ตาม นั่นจึงทำให้ปีที่แล้วประธานาธิบดี โจโค วิโดโด ของอินโดนีเซีย เริ่มคิดถึงเทรนด์การสร้างเมืองใหม่และเริ่มมีการสั่งการให้มีการวางแผนพัฒนาทำสำรวจเพื่อดูสถานที่ในจังหวัดกะลิมันตัน บนเกาะบอร์เนียว ซึ่งอยู่ตอนเหนือของกรุงจาการ์ตาบนเกาะบอร์เนียว ทั้งนี้ก็เพื่อสำรวจภูมิประเทศและความพร้อมต่างๆเพื่อที่จะวางแผนการย้ายเมืองหลวง

     เมืองที่มีการคาดการกันว่าน่าจะถูกตั้งเป็นเมืองหลวงใหม่ก็คือ นครปาลังคารายา (Palangkaraya) เมืองแห่งนี้เคยถูกเล็งเอาไว้ให้ว่าจะให้เป็นเมืองหลวงแห่งใหม่ตั้งแต่ยุคประกาศอิสรภาพจากการเป็นอาณานิคมดัชท์ เมื่อ 73 ปีก่อน ซึ่งหลักพิจารณาการย้ายเมืองหลวงนั้นทางการอินโดนีเซียยึดหลักที่ว่า เมืองควรอยู่ตอนกลางของประเทศ และต้องมีความเสี่ยงน้อยในเรื่องของการเกิดภัยพิบัติอย่าแผ่นดินไหวและภูเขาไฟระเบิดงซึ่งเกาะบอร์เนียวตอบโจทย์ดังกล่าวได้ดีเมื่อเทียบกับหลายๆพื้นที่ในประเทศ

     แต่อย่างไรก็ดีแนวคิดการย้ายเมืองหลวงมายังนครปาลังคารายาก็ยังต้องต้องตอบคำถามที่ยากๆอีกหลายคำถาม ทั้งเรื่องของความคุ้มค่า เรื่องของผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมที่จะเกิดขึ้นกับเกาะบอร์เนียวเพราะปัจจุบันเกาะบอร์เนียวเป็นที่อยู่ของสัตว์ป่าหายากหลายชนิด รวมถึงลิงอุรังอุตัง ซึ่งเชื่อว่าถ้ามีการย้ายเมืองหลวงมาในที่แห่งนี้จริง สัตว์ป่าจะหายไปและธรรมชาติจะถูกทำลายมากขึ้น และเรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่งก็คือ ความยุ่งยากจากการเปลี่ยนศูนย์เศรษฐกิจของประเทศจากจาการ์ตามาที่แห่งใหม่ เพราะจะต้องมีการย้ายสถานที่ราชการ ศาล ค่ายทหาร ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายที่คิดจะทำก็ทำได้เลย

    เมื่อมองประเทศเพื่อนบ้านเราในอาเซียนอย่างอินโดนีเซียและย้อนกลับมามองไทยเราเอง ปัญหาเดียวกัน แต่เขาเริ่มที่จะขยับเข้าสู่การหลุดพ้นวงโคจรเดิมๆแล้ว เขาเริ่มเปิดรับและพิจารณาเทรนด์การสร้างเมืองใหม่ แต่สำหรับประเทศไทยเรายังก้าวไม่พ้นความเชื่อบนพื้นฐานการเมือง คนรวยยังกุมอำนาจเงินและจำกัดการลงทุนอยู่แค่เมืองหลวงอย่างกรุงเทพฯ เป็นหลักใหญ่ นั่นจึงทำให้เราจึงยังต้องอยู่กับปัญหาการจราจรและความแออัดของผู้คนต่อไป ซึ่งเราก็ภาวนาว่าประชาชนคนไทยจะมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นกว่านี้จากการกระจายความเจริญไปสู่ท้องถิ่น แต่ดูท่าแล้วคงอีกนานเลยทีเดียว