บริตนีย์ สเปียร์ส นักร้องหญิงที่มากความสามารถ แม้ว่าด้วยอายุอานามที่ปาเข้าวัย 36 ปี และประสบการณ์แย่ๆในชีวิตที่ผ่านมาจะทำให้เธอแผ่วลงจากกระแสวงการดนตรีในต่างประเทศก็ตาม แต่คงต้องยอมรับว่าเธอคือสตาร์ค้างฟ้าที่ยังคงมีฐานแฟนเพลงอยู่เป็นจำนวนมากทั่วโลก และหนึ่งในฐานแฟนเพลงที่เหนียวแน่นของเธอก็คือกลุ่ม LGBTQ ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศ และล่าสุดจากการสนับสนุนเรื่อยมาของแฟนเพลงกลุ่มนี้ทำให้บริตนีย์ สเปียร์สได้รับรางวัล Vanguard Award จากสมาคม GLAAD ซึ่งมอบให้บุคคลผู้มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักที่มีบทบาทในการผลักดันในเรื่องความความเท่าเทียมทางเพศ
นับตั้งแต่ซิงเกิล Baby One More Time ในปี 1998 ได้ถูกปล่อยออกมา บริตนีย์ สเปียร์ส ก็กลายเป็นป็อปสตาร์ที่มีฐานแฟนเพลงหลากหลาย และแน่นอนกลุ่ม LGBTQ ก็เป็นหนึ่งในกลุ่มฐานแฟนเพลงที่ติดตามเธอมาตั้งแต่นั้นด้วย บริตนีย์ สเปียร์สจึงไม่เคยทอดทิ้งกลุ่ม LGBTQ ความสัมพันธ์กับฐานแฟนเพลงกลุ่มนี้นับมาเป็นไปได้ด้วยดีและเต็มไปด้วยความสวยงามและเรื่องราวดีๆที่น่าประทับใจ จะเรียกว่าเธอเป็นไอคอนคนสำคัญของกลุ่มนี้ก็ว่าได้
บริตนีย์ สเปียร์สได้มีบทบาทช่วยเหลือกลุ่มนี้ไว้ในหลายๆเรื่องเช่น คอนเสิร์ต Britney: Piece of Me ที่ลาสเวกัส ในปี 2013 มีคู่เกย์คู่หนึ่งไปปิ๊งรักกันที่งานคอนเสิร์ตของเธอ และต่อมาทั้งคู่ก็ตกลงใจแต่งงานกันที่ลาสเวกัส บริตนีย์ทราบข่าวก็ถ่ายคลิปอวยพรและเซ็นใบจดทะเบียนสมรสข้างหลังเวทีคอนเสิร์ตที่เธอกำลังเล่นในฐานะสักขีพยานให้กับคนคู่นี้ ปี 2014 ในงานคอนเสิร์ต วัยรุ่นคงหนึ่งชื่อเดวิด เลอคอร์ส เขาได้พบกับบริตนีย์ที่ข้างหลังเวทีโดยบังเอิญเขารู้สึกดีใจและเขาก็ได้ยื่นจดหมายฉบับหนึ่งที่เขาเป็นคนเขียนซึ่งเนื้อหาภายในได้เล่าว่า เขาเคยคิดที่จะฆ่าตัวตายเพราะด้วยปัญหาชีวิตต่างๆที่รุมเร้าเข้ามา แต่ด้วยเสียงเพลงของบริตนีย์ที่ได้เข้ามาช่วยเยียวยาเขาและฉุดเข้าให้พ้นจากความคิดบ้าๆเหล่านั้น เขากลับมามั่นใจและกล้าที่จะเผชิญกับโชคชะตาชีวิตอีกครั้งหนึ่งในฐานะเกย์ก็เพราะบริตนีย์ สเปียร์ส เรื่องราวไม่ได้จบลงแค่นั้น เพราะหลังจากบริตนีย์ สเปียร์สได้อ่านจดหมายฉบับนี้แล้ว เธอจึงบอกให้ทีมงานของเธอไปสืบหาที่อยู่ของเดวิด และเมื่อเธอทราบที่อยู่เขาแล้ว เธอก็ลงมือเขียนจดหมายตอบกลับเดวิดทันที ซึ่งในเนื้อหาของจดหมายก็มีประมาณว่า เธอเชื่อมั่นเสมอว่า “หากคนเรากล้าที่จะทำตามในสิ่งที่หัวใจเรียกร้อง ผลลัพธ์ที่ออกมาย่อมเป็นสิ่งที่ดีเสมอ”
สำหรับสมาคม GLAAD ที่เป็นผู้มอบรางวัลอันทรงเกียรติให้แก่บริตนีย์ สเปียร์สนี้ ก่อตั้งในปี 1985 ในมหานครนิวยอร์ก โดยสมาคมมีหน้าที่คอยดูแลในเรื่องภาพลักษณ์ของกลุ่ม LGBTQ หรือกลุ่มคนหลากหลายทางเพศ รวมถึงการแจ้งข่าวและประชาสัมพันธ์กิจกรรมของกลุ่มต่อสื่อสาธารณะอื่นๆทุกรูปแบบในอเมริกา ที่ทางสมาคมนี้ต้องคอยดูแลเรื่องภาพลักษณ์ของกลุ่มคนหลากหลายทางเพศก็เพราะว่า ในช่วงแรกๆที่สมาคมเพิ่งตั้งนั้น เป็นช่วงที่โรคเอดส์กำลังแพร่หลาย และต้นตอของโรคนี้ถูกโยนมาให้กลุ่มคนหลากหลายทางเพศ คนกลุ่มนี้ถูกสื่อโจมตีอย่างเสียหาย ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นอย่างนั้นจริงหรือไม่ แต่คนกลุ่มนี้ก็ถูกประณามว่าเป็นสาเหตุไปแล้ว สมาคม GLAAD จึงต้องเข้ามาช่วยสร้างความเข้าใจใหม่ๆต่อผู้คนในสังคมเกี่ยวกับความหลากหลายทางเพศ และตั้งแต่ปี 1990 เป็นต้นมาทางสมาคมก็มีการจัดงานแจกรางวัล GLAAD Media Awards ที่ลอสแอนเจลิสและนิวยอร์กทุกปีเพื่อยกย่องผลงานและบุคคลในหลากหลายสาขา เช่น ดนตรี ภาพยนตร์ ซีรีส์ รายการโทรทัศน์ รายการข่าว และงานเขียนที่สามารถช่วยสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับกลุ่ม LGBTQ และทำให้ภาพลักษณ์ของกลุ่มถูกมองในแง่บวกมากยิ่งขึ้นและเป็นที่ยอมรับในสังคม
สำหรับรางวัล Vanguard Award ของทางสมาคม GLAAD ที่ผ่านมา มีคนดังได้ไปแล้วหลายคนทั้ง เจนนิเฟอร์ โลเปซ, แชร์, อลิซาเบธ เทย์เลอร์, เจเน็ต แจ็คสัน, เดมี โลวาโต และจอช ฮัตเชอร์สัน จากภาพยนตร์ The Hunger Games ต่างเคยรับรางวัลนี้มาแล้ว ซึ่งปีนี้บริตนีย์ สเปียร์สจะขึ้นรับรางวัลในวันที่ 12 เมษายน ที่โรงแรมเบเวอร์ลีย์ ฮิลตัน ในลอสแอนเจลิส