ต้องยอมรับว่าขณะนี้เกิดความตื่นตัวอย่างมากในวงการอีคอมเมิร์ซ และการแข่งขันสูงขึ้นเป็นไปอย่างรุนแรงมากขึ้น การแข่งขันที่ดุเดือดนี้น่าจะสร้างกำไรมหาศาลให้กับอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่แต่ละเจ้า แต่เมื่อเจาะลึกเข้าไปมองในแง่ของรายได้จริงๆแล้ว แต่ละรายล้วนยังขาดทุนกันทั้งสิ้น

ย้อนมองรายได้ยักษ์อีคอมเมิร์ซต่างพากันขาดทุน

     มาเริ่มต้นกันที่ลาซาด้ากันก่อนเป็นที่ทราบกันดีว่าลาซาด้าในตอนนี้อยู่ในเครืออาลีบาบา กรุ๊ป เป็นยักษ์ใหญ่ของวงการอีคอมเมิร์ซในขณะนี้ หากมองจากภายนอกก็ดูเหมือนจะมีกำไรมหาศาลแต่ความจริงแล้ว มองย้อนกลับไปลาซาด้าเองก็เหนื่อยเหมือนกัน ลาซาด้าเริ่มต้นด้วยทุนจดทะเบียนอยู่ที่ 5,000 ล้านบาท ซึ่งเมื่อมีการแจ้งผลประกอบการไตรมาสแรกปี 2560 มีรายได้รวม 1,757 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 568 ล้านบาท ขณะที่ปี 2559 มีรายได้ 4,266 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 2,115 ล้านบาท

ส่วนที่มาแรงอีกหนึ่งรายคือ ช้อปปี้ ต้นสังกัดเป็นของสิงคโปร์ ช้อปปี้เข้ามาตั้งบริษัทที่ประเทศไทยปี 58 ปีแรกมีผลประกอบการขาดทุน 211 ล้านบาท และปี 2559 ขาดทุน 528 ล้านบาท ปัจจุบันมีทุนจดทะเบียน 50 ล้านบาท

ข้ามมาดูยักษ์อีคอมเมิร์ซของไทยแท้ๆกันบ้างอย่าง ตลาดดอทคอม สถานการณ์ 5 ปีย้อนหลังของตลาดดอทคอมปรากฎว่ามีผลประกอบการขาดทุนต่อเนื่อง และเพิ่งมีกำไรสุทธิ 101.7 ล้านบาทในปี 2559

11 Street ยังขอสู้จนหยดสุดท้าย

     ช่วงหลังพอกระแสอีคอมเมิร์ซบูมมากๆก็มีกระแสข่าวว่า 11 Street อีคอมเมิร์ซจากเกาหลีที่ขาดทุนอย่างต่อเนื่องจะปิดตัวโบกมือลาไป ล่าสุดบริษัท อีเลฟเว่น สตรีท (ประเทศไทย) จำกัด ได้ยืนยันว่า จะยังไม่มีการปิดตัว 11 Street ในขณะนี้แน่นอน ขณะนี้ทางบริษัทกำลังเร่งหาแหล่งทุนใหม่เข้ามาเป็นพาร์ตเนอร์และเมื่อ16 มีนาคม 2561 นี่เอง บริษัท 11 Street ได้มีการแจ้งเพิ่มทุนจดทะเบียนอีก 160 ล้านบาทเป็น 1,493.94 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเพิ่มทุนครั้งที่ 5 นับตั้งแต่มีการก่อตั้งบริษัทเมื่อ 5 เมษายน 2559 สะท้อนถึงการที่บริษัทต้องใช้เงินทุนจำนวนมากเพื่อใช้ในการเปิดตลาด

กระแสบูมอีคอมเมิร์ซกับโอกาสทองของเอเยนซี่โฆษณา

     เมื่อวงการอีคอมเมิร์ซแข่งขันกันดุเดือดขนาดนี้ การสร้างการรับรู้ในแบรนด์ผ่านสื่อหลักและสื่อออนไลน์จึงเป็นเรื่องที่จำเป็นมากสำหรับผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซต่างๆ จากการสำรวจพบว่าแบรนด์ยักษ์ใหญ่ในวงการอีคอมเมิร์ซต่างยังอาศัยสื่อโฆษณากันอย่างต่อเนื่อง โดยผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซเหล่านี้จะมีการออกแคมเปญย่อยเพื่อกระตุ้นการขายอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแคมเปญต่างๆที่ออกมาก็ต้องมีการสร้างการรับรู้ให้ถึงมือผู้บริโภค จึงมีการอัดฉีดงบประมาณจำนวนมากในการโฆษณาสร้างการรับรู้ให้กับผู้บริโภค อย่างช้อปปี้ที่ใช้สื่อโปรโมตแคมเปญและโปรโมชั่นต่าง ๆ แทบทุกสัปดาห์ และจะส่วนลดพิเศษให้ลูกค้าเมื่อมีแบรนด์พันธมิตรรายใหม่เข้ามาเปิดร้านบนแพลตฟอร์ม ในส่วนของลาซาด้าจะส่งข้อมูลตรงไปที่ลูกค้าผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียที่สร้างขึ้น โดยเฉพาะ LINE@ ทุกวัน นี่จึงนับเป็นโอกาสทองและเป็นช่วงเวลาที่ดีของเหล่าเอเยนซี่โฆษณาไปด้วย

     ดูจากสถานการณ์แล้วอีคอมเมิร์ซน่าจะแข่งกันหนักขึ้นเรื่อยๆ แม้ช่วงนี้จะขาดทุนอยู่บ้าง แต่คาดว่าอีกไม่ช้าสถานการณ์ต่างๆคงจะดีขึ้นและคงทำกำไรได้มากขึ้น ขึ้นอยู่กับเรื่องของการบริการ และคุณภาพสินค้าของแต่ละเจ้าด้วย ถ้าได้มาตรฐานที่ดีตลอด กำไรก็คงจะมาเห็นๆในไม่ช้า