กลุ่มบริษัทข้ามชาติใหญ่อย่าง ดีลอยท์ โกลบอล ได้ร่วมกับ  Global Business Coalition for Education ทำการศึกษาในเรื่อง Digital Disruption เพื่อคาดการณ์แนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในเรื่องตลาดแรงงานในอีก 12 ปีข้างหน้า ซึ่งพบว่ามีโอกาสที่แรงงานหนุ่มสาวกว่าล้านคนทั่วโลก จากทั้งหมด 2 ล้านคน จะกลายเป็นคนตกยุค ล้าสมัยและเสี่ยงตกงาน เพราะขาดทักษะหรือไม่มีคุณสมบัติตรงความต้องการของตลาดแรงงาน จึงเร่งแนะให้องค์กรธุรกิจเตรียมความพร้อมในเรื่องนี้

ดีลอยท์ ร่วมกับ Global Business Coalition for Education ได้ทำการวิจัยและรายงานเรื่อง “การเตรียมแรงงานให้พร้อมรองรับการปฏิวัติอุตสาหกรรม ครั้งที่ 4 และกรอบการปฏิบัติสำหรับองค์กรธุรกิจ” ซึ่งพูดถึงการปฏิวัติอุตสาหกรรม ครั้งที่ 4 ที่ก่อให้เกิดเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่สร้างการเปลี่ยนแปลงและสร้างผลกระทบมากมายและรวดเร็วที่สุด เปลี่ยนแปลงรูปแบบและวิธีการทำงานของมนุษย์ งานบางอย่างถูกแทนที่ด้วยเทคโนโลยี (Digital Disruption) ถึงแม้การปฏิวัติอุตสาหกรรม ครั้งที่ 4 จะสร้างโอกาสใหม่ๆมากมาย แต่แรงงานบางส่วนกลับตามไม่ทันการเปลี่ยนแปลงนี้ และกลายเป็นคนตกยุค ไม่สามารถปรับตัวเข้ากับสภาพการทำงานแบบใหม่ในอนาคต ด้วยเหตุนี้ บรรดาผู้นำในวงการธุรกิจจึงมีความวิตกร่วมกันว่า แรงงานทั่วโลกจะปรับตัวตามจังหวะการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วในปัจจุบันไม่ได้ โดยเฉพาะมีแรงงานหนุ่มสาวราว 1.8 ล้านคน เสี่ยงที่จะกลายเป็นคนไร้ประโยชน์ ผู้ที่จะมีบทบาทสำคัญในการป้องกันปัญหานี้ ก็คือ นักธุรกิจทั้งหลายนั่นเอง

นายสุภศักดิ์ กฤษณามระ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดีลอยท์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ธุรกิจต่างๆต้องลุกขึ้นมามีบทบาทสำคัญในการเตรียมคนหนุ่มสาวให้พร้อม และให้คำแนะนำสำหรับการทำงานในอนาคต การที่จะประสบความสำเร็จได้ ต้องเกิดจากความร่วมมือร่วมใจกันของผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน และลงมือในการสร้างความพร้อมให้คนรุ่นใหม่ในการทำงานอนาคตอันใกล้นี้

แน่นอนว่าไม่ว่าจะทำธุรกิจอะไรก็ตาม ทุกธุรกิจล้วนต้องการไอเดียและความคิดสร้างสรรค์ที่สด ใหม่ และแตกต่าง สามารถปฏิบัติได้จริงจนเกิดประโยชน์ต่อบริษัท แต่การเปลี่ยนแปลงนี้จุดเริ่มต้น ไม่ได้อยู่ที่บุคลากรรุ่นใหม่ แต่จุดเริ่มต้นที่สำคัญอยู่ที่ผู้นำองค์กร และตัวองค์กรเอง ที่จะต้องเริ่มเปลี่ยนแปลงรูปแบบและสไตล์การทำงานแบบเดิมๆ และจะต้องส่งต่อรูปแบบการทำงานเข้าไปสู่สถานศึกษา ซึ่งจะช่วยให้สถานศึกษาสามารถผลิตคนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพและความพร้อมในการปรับตัวให้เข้ากับการทำงานในรูปแบบใหม่ๆ  หนุ่มสาวเหล่านี้จะได้เรียนรู้สิ่งที่เกิดขึ้นจริงในโลกแห่งการทำงาน ได้เห็นขั้นตอนและวิวัฒนาการของการทำงาน จากอีกยุคสู่อีกยุคได้ชัดเจน และพร้อมที่จะปรับตัวตามสภาพที่เปลี่ยนไป

จากการศึกษาวิจัยพบว่า กลุ่มธุรกิจต่างๆ เริ่มหันมาสนใจเรื่องปัญหา Digital Disruption ที่จะส่งผลกระทบต่อแรงงานหนุ่มสาวในอนาคตกันมากขึ้น แต่ก็เป็นเพียงแค่ความสนใจ หากจะให้พวกเขาทุ่มเงินในการลงทุนจ้างและพัฒนาคนหนุ่มสาวเหล่านั้น เพื่อให้คนเหล่านั้นกลับมาพัฒนาองค์กรต่อ ทุกองค์กรธุรกิจยังส่ายหน้าไม่เอาด้วยกลับเรื่องนี้ กลุ่มธุรกิจต่างๆมองว่าพวกเขายินดีที่จะลงทุนไปกับการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยทำงานแทนมากมนุษย์มากกว่า นี่จึงเป็นปัญหาที่น่าคิดต่อไปสำหรับคนหนุ่มสาว คงต้องได้เวลาที่จะต้องปรับตัว ปรับความคิดของตนเองกันแล้ว ถ้ายังคิดอยู่ในกรอบเดิมๆแบบคนยุคเก่า โอกาสเสี่ยงที่จะตกงานมีสูงขึ้นมาทันที