เลโก้ และการค้นหาวัสดุที่ยั่งยืนต่อสิ่งแวดล้อม
ในยุคที่ความสำคัญของความยั่งยืนต่อสิ่งแวดล้อมกำลังขยายขวางอย่างมหาศาล บริษัทเลโก้ ผู้ผลิตตัวต่อยี่ห้อดังเดนมาร์ก ได้สร้างความประหยัดในการค้นหาวัสดุที่เป็นมิตรกับโลกอันเป็นมิตรกัสิ่งแวดล้อม ความพยายามที่ผ่านมาไม่สามารถลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้เพียงพอ แต่ก็ไม่ละเลยที่จะทำให้เลโก้ที่ดีต่อสิ่งแวดล้อมและยุติโครงการผลิตตัวต่อด้วยวัสดุ PET ที่มาจากขวดพลาสติก นี่คือที่เลโก้เลือกที่จะไม่ใช้และตั้งเป้าหมายที่จะมุ่งมั่นในการผลิตตัวต่อจากวัสดุที่มีความยั่งยืนต่อโลกในอนาคต
การยกเลิกโครงการผลิตตัวต่อด้วยวัสดุ PET
มาจากการวิจัยและความพยายามที่หนักแน่นในการค้นหาวัสดุที่มีความยั่งยืนมากขึ้น ทางเลโก้ได้ทำการวิจัยพลาสติกประเภทไบโอ-โพลีโพรพิลีน หรือ Bio-Polypropylene (Bio-PP) ซึ่งเป็นวัสดุที่สามารถรีไซเคิลและคงคุณภาพได้หลังจากการใช้งาน และมีความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากกว่า PET
เลโก้ ทำการลงทุนไปมากกว่า 1,200 ล้านบาทในการค้นหาวัสดุทางเลือกอื่น ๆ
เพื่อให้การผลิตตัวต่อของพวกเรากลายเป็นเรื่องมากขึ้นที่ยั่งยืน รวมถึงการใช้เทคโนโลยีอี-เมทานอล (E-Methanol) ที่ผลิตจากคาร์บอนไดออกไซด์และไฮโดรเจน และนำไปใช้ในกระบวนการรีไซเคิลของพลาสติก การลงทุนในการค้นหาวัตถุดิบที่ยั่งยืนเหล่านี้เป็นการเสริมสร้างความยั่งยืนไม่เพียงแต่ของเลโก้เอง แต่ยังส่งเสริมให้มีการผลิตวัตถุดิบที่มีความยั่งยืนมากขึ้นในอุตสาหกรรมทั่วไป
ในระยะยาว เลโก้ เชื่อว่า การเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งเสริมให้มีการผลิตวัตถุดิบที่มีความยั่งยืนอย่างมากขึ้น
ซึ่งอาจเป็นที่มาของน้ำมันรีไซเคิลและวัตถุดิบอื่น ๆ ที่มีความยั่งยืนในอนาคต นี่คือการทำให้วงจรของวัสดุที่มีความยั่งยืนเป็นสิ่งธรรมชาติ และช่วยสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงสู่วัสดุที่มีความยั่งยืนของเราในอนาคต
เลโก้ได้ยืนยันที่จะยังคงมุ่งมั่นในการผลิตตัวต่อที่มีความยั่งยืนต่อโลกให้ได้ภายในปี 2032
โดยมีเป้าหมายที่จะลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนลง 37% ในเวลาดังกล่าว นี้เป็นการรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมที่เลโก้กำลังพยายามทำให้เป็นความจริง และเป็นการสร้างแรงจูงใจให้กับอุตสาหกรรมที่มุ่งหาวิธีการผลิตที่ยั่งยืนและเปลี่ยนแปลงโลกของเราให้ดียิ่งขึ้น
โดยสรุป
ด้วยความมุ่งมั่นในการค้นหาวัสดุที่มีความยั่งยืนต่อสิ่งแวดล้อม และการก้าวสู่อนาคตที่มีการผลิตที่ยั่งยืนมากขึ้น เลโก้ กำลังเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับอุตสาหกรรมและบุคคลทั่วไปว่าเราสามารถปฏิบัติตามหลักการความยั่งยืนในการผลิตและใช้ชีวิตประจำวันได้ โดยไม่ต้องเสียสิ่งแวดล้อมเป็นราคาสำหรับความ progresessive ของเราและของโลกใบนี้ที่เราอาศัยอยู่ และนี่คือแนวทางสู่อนาคตที่สะอาดและยั่งยืนที่มาพร้อมกับพลังของนวัตกรรมและความห่วงใยต่อโลกของเราในทุก ๆ ด้านของชีวิตเรา