เวิลด์ อีโคโนมิก ฟอรัม (WEF) ได้มีการรายงานผล ในเรื่อง “ขีดความสามารถในการแข่งขันของโลก ประจำปี 2018-2019” ซึ่งเป็นการจัดอันดับประเทศต่างๆ ในเรื่องการแข่งขันทางเศรษฐกิจเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นที่น่าตกใจที่เวียดนามที่ดูเหมือนจะมาแรงแต่กลับอันดับร่วงลงไป ส่วนไทยได้อันดับที่ดีขึ้น
การประเมินและจัดอันดับ เรื่อง ขีดความสามารถในการแข่งขันของโลก ที่ทาง WEF ได้จัดทำนั้นเกิดขึ้นเป็นประจำทุกปีอยู่แล้ว ซึ่งตรงนี้เป็นประโยชน์มากที่จะทำให้ชาติต่างๆ ทราบว่าสถานการณ์แต่ละประเทศคู่ค้าและคู่แข่งของตนเองเป็นอย่างไรกันบ้าง ในการจัดอันดับในครั้งนี้ คือ ประจำปี 2018-2019 ทาง WEF ได้มีการปรับเกณฑ์การให้คะแนนใหม่ โดยเพิ่มเติมในบางประเด็น อาทิ ความหลากหลายของแรงงาน, สิทธิของกลุ่มแรงงาน, รัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์, โครงสร้างพื้นฐาน, เสถียรภาพทางเศรษฐกิจมหภาค, พลวัตทางธุรกิจ และศักยภาพด้านนวัตกรรม เข้าไปในเกณฑ์การประเมินด้วย
หากมองเจาะจงกันแค่ในอาเซียน คู่แข่งที่น่ากลัวเป็นม้ามืดกับไทยก็คือ เวียดนาม ซึ่งปีที่ผ่านๆมา เวียดนามแสดงความน่ากลัวให้เห็นชัด แต่ทว่าจากการประเมินในปีล่าสุดนี้ เวียดนามกลับมีขีดความสามารถการแข่งขันลดลง จากปีที่ผ่านมาเคยอยู่ในอันดับที่ 74 ตอนนี้อันดับตกไปอยู่ที่ 77 โดยรายงานระบุว่า ด้านนวัตกรรมและรัฐ e-Government ของเวียดนามมีการพัฒนาโดดเด่น แต่ระบบการเงินในเวียดนาม ยังเป็นอุปสรรค ซึ่งได้เพียง 62.3 คะแนน ความท้าทายคือ การเข้าถึงแหล่งเงินทุนของธุรกิจ รวมถึงการให้สินเชื่อที่ยังไม่มีเสถียรภาพ เมื่อเทียบกับสัดส่วนการลงทุนภายในประเทศ ขณะที่ไทยอันดับขยับขึ้นจากอันดับที่ 40 ปีนี้ขยับขึ้นมาอยู่ที่ 38 ประเด็นที่โดดเด่นของไทย คือ “ระบบการเงิน” ซึ่งไทยติดอันดับที่ 14 ของโลก เป็นความพร้อมของเงินทุน การให้สินเชื่อ หรือการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของภาคธุรกิจ รวมทั้งการลดความเสี่ยงทางการเงินที่มีประสิทธิภาพ
ที่ดูโดดเด่นขึ้นมาในปีนี้ก็คือ ฟิลิปปินส์ เพราะขีดความสามารถโตขึ้นอย่างก้าวกระโดดถึง 12 ขั้น จากที่เคยอยู่อันดับที่ 68 ปีนี้ขยับขึ้นมาอยู่ที่ 56 เนื่องจากภาครัฐของฟิลิปปินส์ตั้งใจที่จะพยายามปรับปรุงประเทศด้านเสถียรภาพของเศรษฐกิจ และตลาดแรงงาน ทำให้ประเทศมีสภาพคล่องทางเศรษฐกิจ การทำธุรกิจต่างๆ ง่ายและราบรื่นมากขึ้น
งานนี้ไทยเราก็คงต้องรอดูว่า หลังเกิดการเลือกตั้งแล้ว การทำธุรกิจต่างๆ จะเกิดความคล่องตัวอย่างที่คาดหวังกันไว้หรือไม่ หลังจากที่ต้องเจ็บช้ำอึกอัดกันมานานพอสมควร