หากพูดถึงแบรนด์ IKEA คุณทุกคนคงนึกถึงเรื่องของเฟอร์นิเจอร์ของแต่งบ้าน แต่ต่อไปภาพลักษณ์ของ IKEA ในหัวคุณจะไม่ใช่แค่เรื่องเฟอร์นิเจอร์อีกต่อไป เพราะทาง IKEA มีนโยบายใหม่หันมาเตรียมวางจำหน่ายเมล็ดกาแฟควบคู่กับเฟอร์นิเจอร์ของแต่งบ้านแล้ว
แบรนด์เฟอร์นิเจอร์รายใหญ่สัญชาติสวีเดนอย่าง IKEA ได้เตรียมเพิ่มธุรกิจรูปแบบใหม่ของตนเองนั่นคือการหันมาจัดจำหน่าย “เมล็ดกาแฟ” ควบคู่ไปกับการทำธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ นี่คือภาพลักษณ์ที่ดูไม่ค่อยเข้ากันสักเท่าไหร่ของสไตล์การทำธุรกิจ ซึ่งเราทุกคนคงนึกไม่ออกว่า “เฟอร์นิเจอร์” กับ “เมล็ดกาแฟ” มันจะไปแมทช์กันได้ยังไง แต่ทาง IKEA มองข้ามสเต็ปและคิดลึกซึ้งกว่านั้นมาก ด้วยปัจจุบันเทรนด์ “ธุรกิจเพื่อสังคม” กำลังเป็นที่จับตามองมากขึ้น ผู้บริโภคต่างเรียกร้องเรื่องนี้กับองค์กรธุรกิจ บริษัทใหญ่ๆที่เข้าถึงเรื่องนี้ก่อนก็ย่อมได้เปรียบช่องทางทางการตลาดมากขึ้น และอีกทั้งธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ของ IKEA ก็ยังมีส่วนเกี่ยวพันกับสิ่งแวดล้อมและธรรมชาติอยู่ไม่น้อย การกระโดดข้ามแพลตฟอร์มธุรกิจจากเฟอร์นิเจอร์มากาแฟนี้จึงเป็นเรื่องที่ต้องทำ แม้มันจะดูไม่เข้ากันก็ตาม
ทั้งนี้ ทาง IKEA ได้ลงนามเซ็นสัญญาเป็นหุ้นส่วนซื้อเมล็ดกาแฟจากบริษัทคาวาคอมไปเป็นที่เรียบร้อย บริษัทคาวาคอมนั้นเป็นบริษัทผลิตและส่งออกเมล็ดกาแฟสัญชาติอูกันดาจัดอยู่ในธุรกิจขนาดเล็ก โดยส่วนใหญ่แล้วแรงงานที่ทำงานกับบริษัทแห่งนี้ก็เป็นเกษตรกรในท้องถิ่น การตัดสินใจกระโดดเข้ามาร่วมธุรกิจกับบริษัทคาวาคอมในครั้งนี้ IKEA ตั้งใจที่จะประกาศให้ผู้บริโภครู้ว่าพวกเขากำลังจะทำธุรกิจเพื่อสังคม และ พวกเขาก็กำลังเริ่มขั้นแรกโดยลงไปช่วยและส่งเสริมธุรกิจรายย่อยขนาดเล็กต่างๆ ซึ่งในสัญญาที่ทาง IKEA ลงนามไว้นั้นมีเนื้อหาใจความเกี่ยวกับข้อตกลงในการรับซื้อเมล็ดกาแฟจากคาวาคอม ซึ่งในเบื้องต้น IKEA จะซื้อต่อเนื่องไปนาน 3- 5 ปี อันจะทำให้ไตรมาสแรกของปีหน้า IKEA จะมีผลิตภัณฑ์เมล็ดกาแฟจากยูกันดาขนาด 250 กรัม วางจำหน่ายอยู่ทั้ง 500,000 ชิ้น ซึ่งทาง IKEA จะกระจายสินค้าไปในร้านสาขาของตนเอง ใน 30 ประเทศทั่วโลก โดยในสัญญายังระบุด้วยว่า IKEA จะทำเช่นนี้เรื่อยไปตลอดระยะสัญญา
จะว่าไปนี่ไม่ใช่ครั้งแรกของการเข้ามาช่วยส่งเสริมธุรกิจขนาดเล็กของทาง IKEA เพราะที่ผ่านมา IKEA ได้สนับสนุนธุรกิจรายย่อยขนาดเล็กและขนาดกลางไปแล้วกว่า 19 บริษัท นอกจากนี้ในอนาคต IKEA จะขยายรูปแบบธุรกิจเพื่อสังคมและเน้นผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรมากขึ้น เพื่อให้ชุมชนแต่ละแห่งมีช่องทางจำหน่ายสินค้าแบบยั่งยืน นับเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของกลุ่มธุรกิจใหญ่ สะท้อนเทรนด์ธุรกิจเพื่อสังคมที่กำลังตื่นตัวได้เป็นอย่างดี
อ้างอิง: bloomberg.com
