โลกออนไลน์กลายเป็นช่องใหม่ในการทำธุรกิจของคนยุคปัจจุบัน มีหลายคนในตอนนี้ใช้ช่องทางเปิดช่องแชนแนล YouTube ของตนเอง ผลิตคอนเทนต์ในเรื่องราวต่างๆขึ้นมาและโกยเงินรายได้จากโฆษณาทาง YouTube ประเด็นนี้สำหรับคนที่คิดจะโกยเงินมันก็ Ok อยู่ ทาง YouTube เองแรกๆก็แฮปปี้ดี แต่ล่าสุด YouTube เริ่มรู้สึกว่ามันก่อปัญหาให้กับทางบริษัทเสียแล้ว บอกแล้วว่าโลกนี้มันโหดร้ายกว่าที่คิด

     YouTube เว็บไซต์เผยแพร่วิดีโอระดับโลก เริ่มบ่นแล้วว่าปัจจุบันเหมือนช่องทางที่ตนเองสร้างมามันไม่ได้สวยงามและดีอย่างที่คาดไว้ เพราะทุกวันนี้คอนเทนต์ใน YouTube มีเยอะมาก จนยากแก่การพิจารณาตรวจสอบได้หมด นั่นจึงทำให้มีคอนเทนต์ที่ไม่เหมาะสมปรากฏอยู่ใน YouTube มากมาย ซึ่งผู้ผลิตคอนเทนต์เหล่านั้นไม่ได้สนใจในคุณภาพของเนื้อหาคอนเทนต์เลย หวังเพียงเรียกยอดวิวเพื่อเรียกเงินโฆษณาจาก YouTube เท่านั้น นั่นส่งผลต่อภาพลักษณ์ของทาง YouTube มากที่เดียว เพราะมีหลายบริษัทถอนตัวและลดการโฆษณากับทาง YouTube ไปเลย

     พอล มูเรท รองประธานฝ่ายดิสเพลย์ วิดีโอ และการวิเคราะห์ของ YouTube ระบุว่า ปี 2017 ที่ผ่านมาเป็นปีที่ยากลำบากและสาหัสมากของ YouTube มีประเด็นมากมายจากคอนเทนต์ใน YouTube ที่ส่งเข้ามาและกระทบกับองค์กร ทำให้มีผลต่อหุ้นส่วนโฆษณา เราต้องเผชิญกับแรงกดดันมากขึ้นจากบริษัทยักษ์ใหญ่หลายแห่งที่ถอนตัวจากการลงโฆษณาใน YouTube เพราะบริษัทใหญ่เหล่านั้นไปพบว่าโฆษณาสินค้าของพวกเขาไปปรากฎอยู่ในแชนแนลและวิดีโอที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการก่อการร้ายหรือเนื้อหาไม่เหมาะสม ซึ่งกระทบกับภาพลักษณ์องค์กรของพวกเขาอย่างมาก

youtube-4000     จากปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ทำให้ทาง YouTube ประกาศปรับกฎเกณฑ์ครั้งใหญ่ของการหารายได้จากการผลิตคอนเทนต์บน YouTube โดยกำหนดให้แต่ละแชนเนลต้องมีผู้ลงทะเบียนไม่ต่ำ 1,000 คน และมีการเข้าชมวิดีโอมากกว่า 4,000 ชม. ในระยะ 1 ปี จึงจะสามารถทำเงินจากการลงโฆษณาได้ นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ดังกล่าว YouTube จะเฝ้าระวังเรื่องสแปม ธงแดงและสัญญาณอื่นๆ ที่บ่งชี้ปัญหาของแต่ละแชนเนลให้มากขึ้น พร้อมตั้งเงื่อนไขว่าแชนเนลที่จะสามารถรับเงินจากโฆษณาได้จะต้องมียอดวิว 1 หมื่นวิวขึ้นไปเท่านั้น

     ธรรมชาติของคนมักจะชอบดูอะไรที่ไม่ดี น่ากลัว ดูแล้วจิตตก ดูแล้วไม่สบายใจ แต่คนก็จะดู เรื่องดีๆ เรื่องสร้างสรรค์มันมักไม่ค่อยตอบสนองจิตใต้สำนึกที่โหยหาความตื่นเต้นและท้าทาย นั่นจึงทำให้ผู้ผลิตคอนเทนต์ดีๆในเชิงสร้างสรรค์มักไม่ค่อยได้รับความนิยม เหมือนเราดูละคร ละครน้ำดีมักไม่ค่อยดัง แต่ละครน้ำเน่าเต็มไปด้วยเรื่องราวดราม่ามักจะมีเรตติ้งพุ่งกระฉูด สิ่งเหล่านี้กลายเป็นค่านิยมไปได้อย่างไรมันก็น่าแปลกใจเหมือนกัน และการที่มุมมองและค่านิยมของผู้คนเทน้ำหนักไปทางนี้ ย่อมเปิดทางให้เหล่ามิจฉาชีพ เหล่าผู้คิดร้ายใช้เป็นช่องทางสร้างความเสื่อมให้กับสังคมได้ง่าย คุณคิดดูสิขนาด YouTube ยังเครียดจากปัญหานี้ คนผลิตคอนเทนต์ดีๆก็ต้องทำใจกันล่ะนะ

อ้างอิง: bloomberg