ธุรกิจอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการผลิต นับเป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งของการเติบโตทางเศรษฐกิจของทุกประเทศ ไทยเราเองก็เป็นเช่นนั้น แต่ปัจจุบันไม่ว่าประเทศไหนก็จะพบกับเทรนด์ปัญหา Digital Disruption และผลกระทบเรื่องของสงครามการค้าจีน – สหรัฐฯ ส่งผลให้ภาคธุรกิจอุตสาหกรรมตอนนี้สับสนและไม่กล้าที่จะชี้ทิศทางที่แน่นอนในการก้าวเดินต่อไป และไทยเราเองก็ประสบปัญหาซ้อน เมื่อภาครัฐประกาศว่าจะผลักดันให้ภาคธุรกิจอุตสาหกรรมไทยเดินหน้าไปสู่ Industry 4.0 ซึ่งฟังดูก็โก้หรูดี แต่ใครจะรู้บ้างว่า 4.0 ที่เกิดขึ้นนั้นไม่ใช่ฝีมือคนไทย และคนที่ได้ประโยชน์ก็ไม่ใช่คนไทยเช่นกัน

Industry 4.0 อาจเป็นเพียงคำที่ฟังดูหรูหราน่าสนใจ แต่เอาเข้าจริงแล้วโรงงานอุตสาหกรรมในไทยที่เข้าขั้น 4.0 นั้น ไม่ใช่ของคนไทย เจ้าของที่แท้จริงก็คือ “จีน” ซึ่งมีกำลังทุนที่หนากว่า กล้าที่จะนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาใช้ทดแทนแรงงานคนไทย ส่วนโรงงานอุตสาหกรรมที่อยู่ในไทยและเจ้าของเป็นคนไทยจริงๆนั้นมาตรฐานยังไม่ถึงขั้น 4.0 และดูเหมือนว่ามาตรฐานจะต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้านเสียบ้าน ซึ่งการพัฒนาไปในเรื่องอุตสาหกรรมของประเทสเพื่อนบ้านไทยนั้น ก็มาจากการย้ายฐานการผลิตของคนไทย อย่างการทำรองเท้าหรืออุตสาหกรรมสิ่งทอ ฐานการผลิตจะไปอยู่ที่เวียดนาม คนไทยที่ทุนหนาย้ายไปลงทุนที่นั่นกันหมด ทำให้ Industry 4.0 จริงๆของคนไทยไม่ได้อยู่ในประเทศไทย

เรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อเนื่องไปถึงภาคแรงงาน เมื่อ Industry 4.0 ในไทยทุกเปลี่ยนแปลงไปใช้เทคโนโลยีแทนคน ทำให้ภาคแรงงานอุตสาหกรรมของไทยถูกลดจำนวนลง ในขณะที่นายทุนและผู้ประกอบการที่มีศักยภาพของไทยก็ไปพัฒนาอยู่ตามประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน เรื่องแรงงานก็ใช้แรงงานท้องถิ่นไม่ได้เอาแรงงานไทยตามไปด้วย ทำให้แรงงานภาคอุตสาหกรรมไทยเหมือนถูกลอยแพ

ตรงจุดนี้เป็นสิ่งที่ภาครัฐคงต้องนำกลับไปทบทวนว่าเกิดอะไรขึ้น พัฒนามาถูกทางแล้วหรือไม่ มีเหตุปัจจัยใดที่ทำให้คนไทยย้ายฐานการผลิตไม่สนับสนุน Industry 4.0 ในไทยด้วยกันเอง สิ่งเหล่านี้คงเป็นโจทย์ที่ยาวและยากที่คงจะต้องดูต่อไปว่ารัฐบาลใหม่จะเข้ามาแก้ไขอะไรได้บ้างหรือไม่ ก่อนที่พี่น้องไทยจะลำบากไปมากกว่านี้