ได้มีข้อมูลจากเว็บไซต์ของกลุ่มคนหลากหลายทางเพศ(LGBT)ที่จัดทำขึ้นในต่างประเทศ ได้กล่าวถึงประเทศที่เป็นมิตรต่อกลุ่มคนหลากหลายทางเพศเสมือนแดนสวรรค์ของพวกเขา ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าไทยเราเองก็เป็นหนึ่งประเทศที่เขากล่าวถึง ที่สำคัญไทยเราเป็นประเทศแรกเลยด้วยซ้ำที่กลุ่ม LGBT นึกถึง และอีกหนึ่งประเทศของเอเชียนอกจากไทยแล้วก็จะมี อิสลาเอล นอกนั้นก็จะเป็นประเทศในเขตยุโรปทั้งหมด

     ทางเว็บไซต์ของกลุ่ม LGBT ได้รายงานว่า “ประเทศไทยถือว่าเป็นประเทศที่ยอมรับและให้ความเป็นมิตรกับกลุ่ม LGBT สูงมาก” หากดูสถานที่ท่องเที่ยวที่พักต่างๆจะพบว่าไทยมีโรงแรมที่เปิดต้อนรับคู่รัก LGBT อยู่มากมายถึง 116 แห่ง ซึ่งโรงแรมไหนอยู่เมืองเที่ยว อย่าง กทม., พัทยา, เชียงใหม่, ภูเก็ต, สมุย ก็จะมีสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับ “กลุ่ม LGBT” อยู่ใกล้ๆด้วย และสถานที่ท่องเที่ยวที่ให้การต้อนรับคนกลุ่มนี้ก็มีมากถึง 252 แห่ง และเท่านั้นยังไม่พอ ปี 61 นี้ไทยเรายังมีโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับกลุ่ม LGBT โดยการจัด LGBT Pavillion ครั้งแรกในเทศกาลท่องเที่ยวนานาชาติ ที่กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมัน วันที่ 7-11 มี.ค.นี้ด้วย

      ถ้าดูเผินๆก็เหมือนว่าเว็บไซต์นี้จะยกย่องเยินยอประเทศไทยเราเสียเต็มประดา แต่จริงๆแล้วก็แอบมีติงและเหน็บแนมเราอยู่บ้าง ในเรื่องที่ว่ายังไม่ยอมรับและมีการรับรองสิทธิ์ในการสมรสของคนเพศเดียวกัน ซึ่งช่วงหลังๆมานี้ กระแสการเคลื่อนไหวเรื่องนี้ค่อนข้างจะถี่ขึ้น

     หากจะมองกันตามสภาพความเป็นจริงโดยไม่เข้าข้างแล้ว ประเทศไทยเราเองก็เป็นดังเช่นเขาว่าจริงๆ อาจเป็นไปได้หลายเหตุผลหนึ่งพื้นฐานคนไทยเป็นคนง่ายๆ ชอบอะไรที่สบายๆ ปรับตัวง่าย คนส่วนใหญ่จึงมองว่าความหลากหลายทางเพศไม่ใช่ปัญหาอะไรที่น่าเกียดกัน ประการที่สองอาจเป็นไปด้วยบริบททางศาสนาที่เราเป็นเมืองพุทธที่ให้อิสระเสรีทางความเชื่อและความคิดกันพอสมควร ประเทศไทยเราจึงมีเลือกปฏิบัติกับคนกลุ่มนี้น้อยมากๆ ซึ่งผิดกับประเทศเพื่อนบ้านเราที่เป็นประเทศที่นับถือศาสนาอิสลามอย่าง “อินโดนีเซีย” เพราะความหลากหลายทางเพศไปขัดแย้งและไม่สอดคล้องกับบรรทัดฐานสังคมที่ถูกกำหนดมาโดยศาสนา ในอินโดนีเซียจึงมีการแสดงออกเรื่องของความเกลียดชัง และการเลือกปฏิบัติต่อกลุ่มคน LGBT อย่างชัดเจน

     แม้ว่าอินโดนีเซียจะมีการเปิดรับเรื่องนี้บ้าง แต่ก็ไม่ใช่ส่วนใหญ่ อย่างในจังหวัดอาเจะห์ถือว่าปิดกั้นเลยทีเดียว เนื่องจากอาเจะห์มีการใช้กฎหมายหมายชารีอะฮ์ ซึ่งเป็นกฎหมายที่อิงจากคัมภีร์ของศาสนาอิสลาม ทำให้หลายสิ่งหลายอย่างถูกต่อต้านโดยทันที อีกทั้งยังส่อเค้าว่าจะรุนแรงมากยิ่งขึ้นด้วย เพราะได้มีการกระทำที่เรียกว่า “เหยียด” สุดๆ มาแล้ว ยังการจับสาวประเภทสองมากล้อนผมและบังคับให้แต่งตัวเป็นชาย แม้กระทั่งการแบนเนื้อหาการแสดงในทีวีที่เกี่ยวข้องกับสาวประเภทสอง หรือการที่นักแสดงชายไปแต่งหญิงไม่ให้ออกอากาศทั้งหมด ลุกลามไปถึงการส่งจดหมายร้องเรียนและแบน แอพพลิเคชั่น BLUED ซึ่งเป็นแอพฯเฉพาะชาวเกย์บน Google Appstore โดยพวกเขาอ้างว่าเป็นสิ่งลามกอนาจาร และนอกจากนั้นยังรุนแรงไปถึงขั้นมีการขอให้แก้กฎหมายอาญาว่าด้วยโทษของคนเป็นเกย์ด้วย ซึ่งจากแนวทางดังกล่าวของอินโดนีเซียคล้ายๆกับว่า พวกเขามองความหลากหลายทางเพศว่าเป็น “อาชญากรรม” อย่างหนึ่งเลยทีเดียว

     ก็จึงไม่แปลกใจที่กลุ่ม LGBT จะมองว่าไทยเป็นประเทศที่เป็นมิตรต่อกลุ่มเขา น่าเห็นใจอยู่ไม่น้อยสำหรับคนกลุ่มนี้ ที่บางทีเขาก็ควรมีสิทธิ์ที่จะเลือกเป็นอย่างที่เขาเป็น พวกเขาถึงจะมีความผิดเพี้ยนในรสนิยมทางเพศไปบ้าง แต่พวกเขาก็ยังเป็นคนๆหนึ่งที่มีชีวิตจิตใจไม่แตกต่างจากเราทุกๆคน สามารถทำงาน สร้างสรรค์งานและสิ่งดีๆให้กับโลกใบนี้ได้ไม่แตกต่างจากพวกเราที่เป็นปกติเลย

อ้างอิง : itb-berlin, gaystarnews