Brand Story จำเป็นหรือที่จะต้องเป็นเรื่องที่ “ว้าว” เสมอไป

Brand Story และคอนเทนต์ต่าง ๆ จำเป็นหรือไม่ที่จะต้องมีคุณภาพสูง ต้องเก๋ ต้องเป็นเรื่องที่ว้าวแบบสุด ๆ อยู่ตลอด มาพบคำตอบกัน

brand-story-wow-or-not

ในตอนนี้แบรนด์ธุรกิจมากมายต่างยอมรับกันแล้วว่า Brand Story เป็นสิ่งที่จำเป็น และเป็นกลยุทธ์แรงดึงดูดสร้างความสนใจอย่างหนึ่งที่จะทำให้ลูกค้าเข้าหาแบรนด์ด้วยความเต็มใจ แต่ก็มีผู้ประกอบการไม่น้อยตั้งความคาดหวังว่า Brand Story ของตนเองจะต้องเป็นเรื่องที่อลังการ สนุกตื่นเต้นหรือไม่ก็ดราม่ามีจุดขายแบบสุด ๆ

บางคนไม่เพียงคาดหวังว่าเรื่องราวของแบรนด์เท่านั้น แต่ยังคาดหวังด้วยว่าทีมทำ Content Marketing จะต้องสร้างสรรค์คอนเทนต์ใหม่ ๆ ที่ยิ่งใหญ่ชวนให้ว้าว เรียกยอดวิวสูง ๆ ออกมาได้ ความคาดหวังเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องที่ผิดและดูจะเป็นเรื่องธรรมดาด้วย ไม่ว่าจะทำสิ่งใดก็ต้องมีการตั้งเป้าไว้นั่นไม่ใช่เรื่องแปลก แล้วจริง ๆ Brand Story และคอนเทนต์ต่าง ๆ จำเป็นหรือไม่ที่จะต้องมีคุณภาพสูง ต้องเก๋ ต้องเป็นเรื่องที่ว้าวแบบสุด ๆ อยู่ตลอด มาพบคำตอบกัน

 

ทบทวนที่มาของ Brand Story

ต้องยอมรับก่อนว่ามีหลาย ๆ แบรนด์ หลาย ๆ ธุรกิจถูกสร้างขึ้นมาจากความเรียบง่าย ธรรมดาและไม่มีความหวือหวาแต่อย่างใด ถ้าวาดเป็นกราฟก็คงจะเป็นเส้นแนวราบไม่ได้เป็นเส้นขึ้นลงอะไรให้ดูตื่นตาตื่นใจเลย เมื่อจุดเริ่มต้นที่แท้จริงของธุรกิจไม่มีอะไรเจ๋ง ๆ ให้เล่า ไม่ได้มีจุดเด่นอะไรให้คนต้องรู้สึกว้าวหรือมองเห็นความแตกต่างแบบสุดขั้ว ก็ไม่จำเป็นเลยที่จะต้องทำ Brand Story ให้ดูอลังการ

มีผู้ประกอบการจำนวนไม่น้อย พยายามให้ทีมการตลาดของตนเอง รวมถึงบางองค์กรก็ใช้บริการ Creative มืออาชีพเนรมิตสร้างสรรค์ Brand Story รวมไปถึง Content Marketing ของธุรกิจให้ออกมาดูเก๋ดูเท่และแตกต่าง แต่ในเมื่อที่มาจริง ๆ อันเป็นข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงนั้นแสนจะเรียบง่าย ก็เป็นเรื่องที่ยากมากที่จะทำให้เรื่องราวนั้นพิเศษกว่าใคร ๆ

อย่าลืมว่าการทำ Brand Story ขึ้นมาจุดประสงค์แรกเลยก็คือ เราต้องการให้คนรู้จักแบรนด์ ถ้าเปรียบแบรนด์เป็นคน ๆ หนึ่ง การที่เราจะสนิทใจกับใครได้อย่างรวดเร็ว ส่วนหนึ่งก็ต้องเริ่มต้นจากการสัมผัสได้ว่าคน ๆ นั้นเป็นคนที่จริงใจ การนำเสนอเรื่องราวของแบรนด์จึงควรเริ่มต้นจาก “ความจริงใจ” ก่อน เราเป็นแบบไหน แบรนด์ก็จะเป็นแบบเดียวกับเรา ถ้าตั้งหลักตรงนี้ได้คุณก็จะเข้าใจว่าไม่จำเป็นเลยที่จะต้องทำเรื่องราวของแบรนด์ให้ดูอลังการ ความเรียบง่ายเองก็เป็นจุดขายได้เช่นกัน

 

ความถูกต้องเป็นสิ่งที่ต้องมาก่อน

ความจริง เป็นสิ่งที่จะสะท้อนความจริงใจ ความถูกต้องเป็นสิ่งที่เราต้องสื่อสาร เราจะเห็นได้ว่าในปัจจุบันมีการเอาจริงเอาจังกันมากขึ้นในเรื่องการคุ้มครองผู้บริโภค แบรนด์ไหนที่มีการโฆษณาสินค้าของแบรนด์แบบเกินจริง ก็เข้าข่ายผิดกฎหมายและสามารถถูกดำเนินคดีได้เลย ดังนั้น “ความโดดเด่น” จึงไม่ควรล้ำเส้น “ความถูกต้อง”

หากเราจะมองกันในแง่ของการสื่อสาร และการสื่อความหมายของแบรนด์ออกไปให้ผู้บริโภคได้รับรู้ ความถูกต้องของข้อมูลในสารที่จะสื่อออกไปเป็นสิ่งที่จะต้องใส่ใจอย่างมาก แน่นอนการนำเสนอข้อมูลออกไปแบบเดิม ๆ อาจจะทำให้คนขาดความสนใจ เพราะบางทีแบรนด์ของเราก็ไม่โดดเด่น สินค้าของเราก็ดูไม่ต่างจากคนอื่น Brand Story ที่มีจุดขายเท่านั้นถึงจะช่วยกระตุ้นความสนใจได้ แต่อย่างไรก็จะต้องเป็นข้อมูลที่มีความเป็นจริงอยู่ และจะต้องไม่ดูเป็นการโฆษณาชวนเชื่อจนดูเกินจริงไปด้วย คือ จะเล่าอะไรก็ยังต้องใส่ใจเรื่องความถูกต้องเอาไว้ด้วย

 

“คุณค่า” เป็นเป้าหมายที่ควรตั้งไว้

ไม่ว่าจะเป็นการนำเสนอเรื่องราวของแบรนด์ หรือจะเป็นการวางแผน Content Marketing เพื่อนำเสนอเนื้อหาในรูปแบบต่าง ๆ ในธุรกิจสำหรับอนาคตก็ตาม เป้าหมายที่คุณควรจะต้องไว้ไม่ใช่ความ “ว้าว” แต่ควรจะเป็น “คุณค่า” ต้องกลับมาตั้งคำถามกันให้ดีว่า Brand Story และคอนเทนต์ต่าง ๆ ที่นำเสนอออกไปสู่ผู้บริโภคนั้นให้คุณค่าอะไรกับผู้บริโภคบ้าง เรื่องราวของแบรนด์ตนเองสร้างแรงบันดาลใจ หรือมีแนวคิดอะไรที่แฝงอยู่ในเรื่องนั้นพอที่จะให้คนถอดรหัสนำมาใช้บ้างไหม นั่นคือหน้าที่สำคัญของเนื้อหาที่ควรจะต้องเป็น

create-valueการบรรลุวัตถุประสงค์ในการนำเสนอคอนเทนต์ในรูปแบบต่าง ๆ แน่นอนว่าเราต้องการให้คนดู คนอ่าน คนฟังรู้สึกสนใจ แต่ถ้าดึงความสนใจได้แล้ว ผู้บริโภคพบว่าเนื้อหาภายในจริง ๆ ไม่ได้มีอะไรเลย เหมือนถูกหลอกให้เข้ามาอ่าน เข้ามาดู ความรู้สึกที่ตีกลับเป็ฯไปในทางลบทันที แทนที่คนจะรู้สึกดีต่อแบรนด์สินค้าเรา กลายเป็นว่าเขาจะแอนตี้แบรนด์เราไปเลยทันที ดังนั้น เป้าหมายในการสื่อสารออกไปคืออะไรกันแน่ เป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการและนักการตลาดทุกท่านจะต้องตระหนักให้ดี

 

สรุปแล้วไม่ว่าจะเป็น Brand Story หรือการทำคอนเทนต์อื่น ๆ สำหรับธุรกิจ ไม่จำเป็นต้องพิเศษ เท่ เก๋แบบสุด ๆ ตลอดเวลาก็ได้ ถ้าเนื้อหาที่คุณเล่าเต็มไปได้ความจริงใจและคุณค่า ทุกอย่างก็จะมีค่าอยู่ในตัวเองและดู “ว้าว” ในแบบฉบับของคุณเองอยู่แล้ว เอาเวลาตรงนี้ไปเพิ่มเติมให้กับงานส่วนอื่น ๆ อย่างเช่นการเต็มที่กับการใช้ช่องทางโปรโมทให้มีประสิทธิภาพดีขึ้นก็จะดีกว่า แล้วลูกค้าก็จะรับรู้เรื่องราวของแบรนด์คุรอย่างทั่วถึง ซึ่งนั่นจะเป็นผลดีต่อธุรกิจของคุณมากขึ้นนั่นเอง