หากย้อนกลับไปประมาณ 5 ปีที่แล้ว แบรนด์ Huawei ยังถูก ‘ยี้’ ในสายตาผู้คน เพราะนี่คือแบรนด์ ‘จีนเสิ่นเจิ้น’ ตัวจริง ดินแดนตำนานของก็อปเกรดเอ แต่แล้วกาลเวลาผ่านไป Huawei สามารถพิสูจน์ตนเองได้ว่า นี่คือ ‘เกรดเอ’ ตัวจริงแบบไม่มีก็อป เพราะขณะนี้ Huawei ขึ้นแท่นสมาร์ทโฟนที่ขายดีที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลกไปแล้ว
บันไดความสำเร็จของ Huawei
ใครที่เคยใช้หรือสัมผัสสมาร์ทโฟนหัวเว่ยมาแล้ว คงไม่มีใครกล้าปฏิเสธ ‘ความเฉียบ’ ของมือถือแบรนด์นี้ บันไดที่ทำให้หัวเหว่ยไต่อันดับจนขึ้นมาขายดีแซงหน้าแบรนด์ Apple ได้ก็คงจะต้องยกเครดิตให้ ‘ความพรีเมียม’ หัวเหว่ยพลิกโฉมนวัตกรรมและแบรนด์ของตนให้มีภาพลักษณ์ที่ทันสมัยตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย ซึ่งนั่นเป็นกลยุทธ์สำคัญที่จะครองใจคนยุคนี้ พวกเขาจึงยึดจุดนี้เป็นจุดเด่น เน้นใช้วัสดุและเทคโนโลยีที่พรีเมียมจริง ๆ มือถือหน้าจอใหญ่ มาพร้อมกล้องถ่ายรูปที่บริษัทชั้นนำด้านกล้องและการถ่ายรูปยังยอมรับว่า ‘เยี่ยม’ อย่าง ‘ไลกา’ อีกทั้งชิปประมวลผลภายในอย่าง ‘คิริน’ (Kirin) ซึ่งฝังปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาให้ด้วย ยิ่งทำให้เรื่องของการถ่ายรูปเข้าขั้นระดับเทพขึ้นไปอีก ฟังก์ชั่นการใช้งานอื่น ๆ ก็สามารถทำได้หลากหลาย จนหลายคนยังบอกว่า ‘เรียนรู้การใช้งานได้ไม่หมด’ ของดีตอบโจทย์ความต้องการ แถมราคายังถือว่าเบากว่าแอปเปิลและซัมซุง จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมหัวเหว่ย สามารถไต่อันดับความสำเร็จมาได้รวดเร็วถึงเพียงนี้
การตลาดแบบ Huawei
ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดและนักวิเคราะห์ทั้งหลายต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า กลยุทธ์การตลาดของหัวเว่ยนั้นไม่ธรรมดา ซึ่งไม่ต้องวิเคราะห์ไกล ดูแค่การเลือกพรีเซนเตอร์อย่าง ‘สการ์เลตต์ โจแฮนสัน’ นักแสดงฮอลลีวูด และ ‘ลีโอเนล เมสซี’ เจ้าพ่อวงการลูกหนัง ก็พอจะบอกได้แล้วว่า แบรนด์ของเขาเน้นตลาดบนแต่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ โปรโมตโดยการถือหัวเหว่ยเดินทั่วเมืองดังๆของยุโรป ทั้งขึ้นป้ายบิลบอร์ดในเมืองใหญ่ด้วยกราฟิกที่ทันสมัย ทัดเทียมกับระดับสากล ขณะเดียวกันหัวเว่ยก็ได้มุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์และสร้างความน่าเชื่อถือด้วยการทุ่มเงินด้านวิจัยและพัฒนากว่า 14,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยียุคอนาคตโดยปี 2017 ที่ผ่านมา หัวเว่ยทุ่มงบฯ R&D 15% ของยอดขาย พร้อมระบุว่า ปีนี้จะลงทุนเพิ่มอีกเป็น 20,000 ล้านเหรียญสหรัฐ อีกทั้งปัจจุบันหัวเว่ยเป็นผู้นำที่มุ่งพัฒนา 5G เทคโนโลยีสื่อสารไร้สายที่เร็ว แรง และเสถียร รองรับทุกอุปกรณ์ที่อนาคตจะปฏิบัติการโดยมีชิประบบ AI เป็นตัวประมวลผล
‘ปีเตอร์ ริชาร์ดสัน’ นักวิเคราะห์การตลาด ยอมรับว่า การเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยี 5G อย่างจริงจัง ทำให้หัวเว่ยแตกต่างจากผู้เล่นรายอื่นของโลก และการลงทุน R&D มหาศาล ทำให้หัวเว่ยได้ชื่อว่าเป็นโรงเรียนเทคโนโลยีแห่งชาติของจีน เนื่องจากนักพัฒนามากมายอยากเข้ามาทำงานที่นี่ และมีนักพัฒนามากมายที่ได้รับการประสิทธิ์ประสาทวิชาจากค่ายมือถือแห่งนี้ และออกไปพัฒนาสตาร์ตอัพของตนเอง ตามแผนยุทธศาสตร์ชาติที่รัฐบาลคาดหวัง ทำให้เสิ่นเจิ้นและจีนเข้าใกล้การเป็นฮับไอทีระดับโลกมากขึ้นทุกที
Huawei สามารถเขย่าเศรษฐกิจสหรัฐฯได้
การเข้าไปเจาะตลาดสหรัฐฯของหัวเว่ยในตอนนี้ คือ แผนยุทธศาสตร์สำคัญที่ทางหัวเว่ยต้องการจะพิชิตให้ได้อย่างราบคาบ เพราะถ้าเข้าครองตลาดสมาร์ทโฟนสหรัฐฯไม่ได้ การจะก้าวไปสู่การเป็นอันดับ 1 ของสมาร์ทโฟนที่ขายดีที่สุดในโลกก็คงจะเป็นไปได้ยาก ซึ่งแผนยุทธศาสตร์นี้นี่เองที่ทำเอา ประธานาธิบดีสหรัฐ ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ ยังหวั่นไหวกุมขมับ และพยายามหาช่องทางสกัดกั้นการเจาะตลาดสหรัฐฯ ถึงขาดว่าปล่อยข่าวว่า มือถือหัวเว่ยไม่ปลอดภัยต่อผู้ใช้งานสามารถล้วงข้อมูลของผู้ใช้งานได้
ด้านผู้เชี่ยวชาญการตลาดหลายคนก็มองตรงกันว่า การขึ้นไปยืนอันดับ 2 ของมือถือที่ขายดีที่สุดตอนนี้ของหัวเว่ย ไม่ใช่อะไรที่ยั่งยืนนักหากยังเจาะตลาดสหรัฐฯแบบเต็มตัวไม่ได้ เพราะเมื่อไหร่ที่ทาง Apple เปิดตัว iPhone รุ่นใหม่(จะเปิดตัวในเดือนกันยายนนี้) ตลาดสหรัฐฯก็จะเทกลับไปยังค่าย Apple อีกครั้ง
สงครามในยุคนี้เขาไม่ได้รบกันด้วยปืนจริงๆด้วย แต่เขาฟาดฟันกันด้วยเทคโนโลยี และส่วนแบ่งทางการตลาด ศึกนี้ยังอีกยาวไกลสำหรับ Huawei ใครเป็นสาวกใครไหนก็เชียร์กันได้แล้ว