JD.com หนึ่งในบริษัทอีคอมเมิร์ซรายใหญ่ของจีนได้เข้าประสานงานกับบริษัท ควีน โฟรเซ่น ฟรุต จำกัด ของไทย เพื่อนำเข้าทุเรียนไทยทั้งแบบสดและแบบแช่แข็งเข้าไปจำหน่ายในจีน หลังความนิยมทุเรียนไทยพุ่งทะลักทำให้ยอดจำหน่ายทุเรียนโตกว่า 20% แซงหน้ามะพร้าวและมังคุด วางเป้าโกยยอดขายเติบโตกว่า 100% ต่อเนื่อง 5 ปี

     นายเจม เย่ ประธานกรรมการ บริษัท เจดี เฟรช เปิดเผยว่า บริษัทได้เซ็นสัญญา MOU กับบริษัท ควีน โฟรเซ่น ฟรุต จำกัดในการนำเข้าทุเรียนจากไทยแล้ว บริษัทวางเป้าหมายเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดสำหรับกลุ่มสินค้าไทยที่ส่งไปขายในประเทศจีนในสิ้นปีนี้ที่ 25% พร้อมกับวางเป้าหมายการเติบโตของบริษัทในช่วง 5 ปีนับจากนี้กว่า 100% ในทุกปี

142785-503x377     ด้านนางกาญจนา แย้มพราย ประธานกรรมการ บริษัท ควีน โฟรเซ่น ฟรุต จำกัด กล่าวว่า ตอนนี้สินค้าเกษตรอย่างพวกผลไม้นั้นมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ผลไม้ 3 ชนิดที่ส่งออกจีนดีมากๆในตอนนี้คือ ทุเรียน มังคุด และมะพร้าว โดยทุเรียนถือว่าได้รับความนิยมสูงสุดเป็นอันดับ 1 มีอัตราการเติบโตในจีนกว่า 20% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เมื่อทาง JD.com ประสานเข้ามาซื้อขายจึงตอบตกลง เพราะมองว่านี่คือโอกาส โดยข้อตกลงก็คือเราจะต้องส่งทุเรียนเกรดเอไปให้เขานำไปขายในจีน โดยวางเป้าหมายส่งออกทุเรียนสดปีนี้ 3,000 ตู้คอนเทนเนอร์, กลุ่มทุเรียนโฟรเซ่น 400 ตู้คอนเทนเนอร์ หลังจากที่บริษัทมีการนำทุเรียนเข้าไปจำหน่ายในจีนช่วงไตรมาส 4 ที่ผ่านมาและสามารถสร้างยอดขายได้กว่า 300 ตู้คอนเทนเนอร์ หรือคิดเป็นจำนวน 7,000 ลูก กลุ่มโฟรเซ่นมียอดขาย 35,700 ชิ้น นอกจากนี้ทางบริษัทยังได้เตรียมงบลงทุนราว 700-800 ล้านบาท ในการก่อสร้างห้องเย็นและไลน์การแปรรูปทุเรียนแช่แข็งแห่งใหม่ ในย่านคลังสินค้าเดิมที่ตลาด เพื่อเพิ่มโอกาสในการส่งออกให้มากขึ้น โดยจะนำทุเรียนมาแปรรูปเป็นทุเรียนอัดแท่ง ไอศกรีม ข้าวเหนียวทุเรียน ลาซานย่า และส่งออกไปจีนด้วยอีกทาง

142790-503x377     เห็นอย่างนี้แล้วก็น่าจะเป็นโอกาสที่ดีที่ทางจีนให้การต้อนรับสินค้าไทยอย่างเป็นทางการ JD.com เข้ามาติดต่อกับไทยเองโดยตรงแบบนี้ถือว่าเป็นการประกาศชนกับทางอาลีบาบาอย่างเป็นทางการ เพราะ JD.com เป็นคู่แข่งรายสำคัญของทางอาลีบาบา นี่คือแนวรุกใหม่ของเศรษฐกิจจีนคือเข้ามาลงทุนในไทยเกี่ยวกับอีคอมเมิร์ซ นับเป็นตัวอย่างแรกที่เราจะได้เห็นความเติบโตของผู้ประกอบการไทยในตลาดจีน แต่ถึงอย่างไรก็ต้องมองในระยะยาวกันอีกทีว่าจะดีหรือร้ายอย่างไร เพราะตลาดการค้าโลกไม่ได้มีแค่ที่จีนที่เดียว