อีกหนึ่งสิ่งยืนยันว่าคริปโตเคอเรนซี่ (Cryptocurrency) กำลังมาแรงและยากที่ใครจะรั้งไว้ก็คือ สถาบันการเงินยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นอย่าง SBI Holdings ได้มีการเปิดเว็บไซต์สำหรับเทรดคริปโตเคอเรนซี่ของตนเองในชื่อ VCTRADE อันสะท้อนว่าคริปโตเคอเรนซี่คือสิ่งที่เป็นอนาคตทีเราไม่สามารถฉุดรั้งไว้ได้อีกแล้ว

ในขณะที่หลายกลุ่มหลายประเทสกำลังถกเถียงถึงปัญหาความน่าเชื่อถือและความปลอดภัยในสกุลเงินดิจิทัล หรือคริปโตเคอเรนซี่(Cryptocurrency)อยู่นั้น ผู้คนกลุ่มหนึ่งที่คลุกคลีอยู่ในแวดวงนี้ก็พยายามใช้กำลังภายในผลักดันให้คริปโตเคอเรนซี่เติบโตและก่อรูปร่างอย่างแข็งแกร่งและจับต้องได้มากขึ้น พยายามที่จะเปลี่ยนภาพลักษณ์ในมุมมืดของคริปโตเคอเรนซี่ให้มาอยู่ในตำแหน่งที่สว่างสดใสมากยิ่งขึ้น จนทำให้คนรุ่นใหม่หรือนักลงทุน นักเก็งกำไรหัวก้าวหน้าต่างเข้ามาศึกษาและแสวงหาโอกาสใหม่ๆ ในวงการนี้ จนเกิดกระแสและความนิยมมากยิ่งขึ้น สถาบันการเงินต่างๆทั่วโลกเริ่มที่จะจับต่างมอง และ ต่างก็เห็นว่ากระแสของคริปโตเคอเรนซี่มาแรงและยากที่จะหยุดยั้งและไปทำลายได้ จึงทำให้สถาบันการเงินหลายแห่งที่ใหญ่เป็นระดับโลกเริ่มที่จะปรับตัวเข้ามาสู่วงการนี้ อีกทั้งยังร่วมเป็นอีกหนึ่งแรงที่จะผลักดันคริปโตเคอเรนซี่ให้เป็นสิ่งที่ถูกต้องและไม่มืดมนอีกด้วย

ล่าสุดเมื่อต้นเดือนมิถุนายน 2018 ที่ผ่านมาสถาบันการเงินยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นอย่าง SBI Holdings ก็ได้มีประกาศว่า พวกเขาได้มีเว็บไซต์สำหรับการเทรด ซื้อขายคริปโตเคอเรนซี่อย่างเป็นทางการแล้วในชื่อ VCTRADE ซึ่งจริงๆแล้ว SBI Holdings ใช่ว่าเพิ่งจะมาลงมือทำ SBI Holdings นั้นให้ความสนใจเรื่องนี้มาสักระยะใหญ่ๆแล้ว และมีแผนที่จะเปิดตัวเว็บไซต์ดังกล่าวนี้ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2017 แล้วด้วย ซึ่งพวกเขาได้มีการวางแผนเตรียมการมาหลายเดือนศึกษาจนแน่ใจระดับหนึ่งถึงลงมือไปจดทะเบียนกับหน่วยงานด้านการเงินของประเทศญี่ปุ่น(FSA) เพื่อให้ได้รับการยอมรับว่าปลอดภัยและน่าเชื่อถือ เมื่อเดือนกันยายน 2017 แต่ทุกอย่างต้องถูกเลื่อนออกไป เพราะมีเหตุการณ์ที่เว็บเทรดคริปโตเคอเรนซี่ Coincheck ถูกแฮ็กระบบ และการมีปัญหากับทางเว็บเทรดคริปโตเคอเรนซี่ยักษ์ใหญ่ของจีนอย่าง Huobi ซึ่งเดิมเป็นพาร์ทเนอร์กันอยู่ ทาง SBI Group จึงเกรงปัญหาเรื่องความปลอดภัย เว็บไซต์ VCTRADE จึงได้ฤกษ์มาเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมานี้เอง

รายงานแจ้งมาว่า VCTRADE จะเปิดบริการในช่วงแรกสำหรับผู้ที่เคยลงทะเบียนล่วงหน้าไว้ตั้งแต่เดือน ตุลาคมปีทีแล้วก่อน และจะเปิดให้ใช้แบบสาธารณะได้ในช่วงเดือนกรกฎาคมที่จะถึงนี้ ซึ่งในช่วงแรกนี้จะเปิดให้นักลงทุนเทรดได้เฉพาะ XRP ของ Ripple ก่อน และหลังจากนั้นจะค่อยๆปรับระบบให้รองรับ Bitcoin ในภายหลัง