งานนี้ จอร์จ & ซาร่า ได้เฮกันครั้งใหญ่ เมื่อ TV Direct เจ้าตำนานทีวีโฮมช้อปปิ้ง กระโดดเข้าฮุบหุ้นของช่อง SpringNews ถึง 90.1% นั่นทำให้ TV Direct กลายเป็นเจ้าของช่องนี้ไปเรียบร้อย และเตรียมที่จะขยายธุรกิจตนเองเข้าสู่การเป็นช่องดิจิทัลทีวีอย่างเต็มรูปแบบ

TV Direct ถือเป็นเจ้าแรกๆ ในอาณาจักรทีวีโฮมช้อปปิ้ง และอาจจะเรียกได้ว่าเป็นตำนานของธุรกิจสาขานี้ไปแล้วก็ว่าได้ หลายคนอาจจะคิดว่า TV Direct ดูเงียบๆไปในสื่อกระแสหลัก แต่เอาเข้าจริงแล้ว TV Direct ยังคงเป็นธุรกิจที่เนื้อหอมมากเหมือนเดิม จากการสำรวจตลาดพบว่า TV Direct มีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 20% ทุกๆปี จากตลาดที่มีมูลค่าเพียง 8,000 ล้านบาทในปี 2558 ก็กระโดดขึ้นมาเป็น 12,000 ล้านบาทในปี 2560 และด้วยตัวเลขการเติบโตทางการตลาดแบบนี้ จึงทำให้หลายๆชาติในเอเชีย สนใจที่จะขอส่วนแบ่งตลาดด้วย ซึ่งมีทั้งเกาหลี ญี่ปุ่น ไต้หวัน จะขอลงมาลุยเป็นคู่แข่งกับ TV Direct

จากแนวโน้มการแข่งขันที่เริ่มจะเข้ามาอย่างหนักหน่วงนี้ ทำให้ทาง TV Direct เองมองว่าจะอยู่นิ่งเฉยไม่ได้แล้วจึง คิดที่จะต้องปรับตัวและปรับกลยุทธ์ที่จะต้องใช้ให้บ่อยขึ้นกว่าเดิมล่าสุดกับการขยับเข้าซื้อหุ้นจำนวน 90.1% คิดเป็นมูลค่า 949.22 ล้านบาท จากบริษัท สปริงนิวส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด(ช่อง SpringNews) ตรงนี้จึงถือว่าเป็นการขยับตัวครั้งสำคัญยิ่งของ TV Direct โดยเป้าหมายของการเข้าซื้อหุ้นครั้งนี้ “ทรงพล ชัญมาตรกิจ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด (มหาชน) เผยว่า  เป้าหมายครั้งนี้คือการสร้างการรับรู้ให้แก่กลุ่มเป้าหมายในวงกว้าง เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน พร้อมๆกับการขยายฐานลูกค้ากลุ่มคนเมืองมากขึ้น จากเดิมที่บริษัทมีทีวีดาวเทียมอยู่ 6 ช่อง เน้นเจาะกลุ่มคนต่างจังหวัดเป็นหลัก

การจะเข้าไปบริหารจัดการช่อง SpringNews ของ TV Direct จะเริ่มภายในต้นปี 62 นี้ และมีแผนจะเปลี่ยนชื่อช่องใหม่ให้จดจำได้ง่ายขึ้น แต่ผังรายการของช่องจะเป็นไปตามที่ข้อกำหนดของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กำหนดนั่นคือ รายการข่าวและสาระไม่น้อยกว่า 50% ของเวลาออกอากาศทั้งหมด ส่วนที่เหลือจะเป็นเวลาสำหรับรายการทีวีโฮมช้อปปิ้ง ปรากฏการณ์ที่จะเกิดขึ้นนี้ ทำให้ TV Direct ขยับขึ้นเป็นผู้ประกอบธุรกิจทีวีโฮมช้อปปิ้งรายแรกที่มีใบอนุญาตทีวีดิจิทัล เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านธุรกิจทีวีโฮมช้อปปิ้ง ทาง TV Direct คาดว่า ผลจากการเข้าซื้อหุ้นครั้งนี้จะทำให้มีรายได้จากการขายสินค้าผ่านช่องสปริงนิวส์คิดเป็นสัดส่วน 5% ของยอดขายปีนี้ หรือประมาณ 200 ล้านบาท

คำถามที่ตามมาก็คือ จะคุ้มไหม ? เมื่อสถานการณ์ของวงการทีวีดิจิทัลในขณะนี้ต่างก็อยู่ในสภาวะ “ป่วย” ไปตามๆ กันแทบทุกช่อง เพราะเรตติ้งของแต่ละช่องนั้นไม่มีความแน่นอน ตำแหน่งเรตติ้งถูกเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา แม้ช่องใหญ่ ๆ เองก็เผชิญปัญหานี้เช่นกัน เพราะความสนใจของคนลดลง และเปลี่ยนเร็วมาก ด้วยแนวโน้มที่เกิดขึ้น ในแง่ทีวีโฮมช้อปปิ้งเองก็คาดการณ์ไม่ได้ว่า ช่องไหนจะมีเรตติ้งดี ทำให้กระบวนการซื้อสปอตก็ต้องเปลี่ยนอยู่ตลอด TV Direct จึงงัดกลยุทธ์ “เลือกกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ” มาใช้ การเลือกซื้อเวลาของรายการ TV Direct จะไม่เลือกซื้อเวลาในช่วงไพรมไทม์ที่มีคนที่ดูจำนวนมาก แต่เลือกซื้อในช่วงเวลาอื่นๆแม้จะมีคนดูน้อยกว่าไพรมไทม์ เพื่อให้ออกอากาศได้ตรงกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด วิธีนี้จะช่วยสร้างยอดขายและทำให้การลงทุนครั้งนี้คุ้มค่า

คงต้องตามดูกลยุทธ์การรบครั้งใหม่ของตำนานทีวีโฮมช้อปปิ้ง อย่าง TV Direct กันแล้วว่า จะสู้ในสงครามที่โหดหินครั้งนี้กันได้แค่ไหน นี่คือ การเปลี่ยนแปลงอีกครั้งของวงการทีวีดิจิทัลไทย ที่ต้องบอกว่าเปลี่ยนแปลงเร็วจนเราไม่ทันได้ตั้งตัว