เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2561 ที่ผ่านมายูทูบประเทศไทย จัดงานประจำปี ‘ยูทูบเดย์ 2018’ (YouTube Day 2018) มอบรางวัลให้เหล่าครีเอเตอร์และยูทูบเบอร์ ที่มีผู้ติดตามช่องบนยูทูบมากกว่า 1 ล้านคน ซึ่งสิ่งที่น่ายินดีก็คือไทยเป็นประเทศเดียวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีช่อง YouTube ที่ได้รับรางวัล Diamond Button และได้รับรางวัล Gold Button มากเป็นอันดับ 2 ในเอเชียแปซิฟิก อีกทั้งยังเผย 10 อันดับโฆษณาไทยที่ได้รับความนิยมสูงสุดในปีที่ผ่านมาด้วย
ซึ่งบรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยเหล่าครีเอเตอร์ผู้สร้างคอนเทนต์ต่างๆ บนยูทูบและประสบความสำเร็จ มีผู้ติดตามเป็นจำนวนมาก รางวัล Diamond Button จาก YouTube นั้นเป็นรางวัลที่จะมอบให้ช่องที่มีผู้ติดตาม มากกว่า 10 ล้านคน ส่วนรางวัล Gold Button เป็นรางวัลที่จะมอบให้ช่องที่มีผู้ติดตาม มากกว่า 1 ล้านคน ซึ่งประเทศไทยเรามีช่องที่ได้รับรางวัล Diamond Button ถึง 2 ช่อง คือ GMM GRAMMY OFFICIAL และ ช่อง WorkpointOfficial ซึ่งนี่นับเป็นคครั้งแรกและเราเป็นประเทศแรกของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ได้รับรางวัลนี้ ส่วนรางวัล Gold Button ในไทยเรามีถึง 49 ช่องด้วยกัน
ซึ่งจากรางวัลที่ทาง YouTube ได้มามอบให้ในงาน ได้แสดงให้เห็นถึงตัวเลขการเติบโตของเหล่าครีเอเตอร์ และพาร์ทเนอร์ต่างๆบนแพลตฟอร์มของ YouTube และทางYouTube ได้ออกมาเผยงานวิจัยของ ทีเอ็นเอส บริษัทวิจัยทางการตลาด เกี่ยวกับจำนวนผู้เข้าชมวิดีโอบนYouTubeของไทย ระบุว่า จำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศไทยมีอยู่ประมาณ 46 ล้านราย ซึ่ง 93% ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล และ 92% ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในต่างจังหวัด มีการเข้ารับชมวิดีโอบน YouTube และยังพบอีกว่าคนที่เคยเข้า YouTube มีถึง 75% ที่เข้าเป็นประจำทุกวัน ในขณะที่คนที่เข้าเรื่อยๆ มีอยู่ราว 62% นอกจากนี้ คอนเทนต์ที่นำมาฉายแบบรีรันก็ยังมีคนรับชมมากที่สุด เหนือช่องทางอื่นๆ ถึง 89%
โดยส่วนใหญ่คนที่เข้ามาใน YouTube 70 % จะเข้าไปเพื่อฟังเพลง 51% เข้าไปรับชมทีวีย้อนหลัง เข้าไปเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ 33% และเข้าไปหาข้อมูลของสินค้าหรือบริการ 24% ซึ่งคอนเทนต์ที่คนไทยนิยมรับชมคือ TV Shows สารคดี ฟุตบอล ข่าว การศึกษา แต่สิ่งที่น่าสนใจคือกลุ่มคนอายุ 16-24 เริ่มมีความสนใจคอนเทนต์เกี่ยวกับการเงินการลงทุนมากกว่าคนอายุ 25 ขึ้นไป
จากรายงานจะเห็นได้ว่าพฤติกรรมการบริโภคสื่อของคนไทยเริ่มเปลี่ยนไป ผู้คนหันมาดูวิดีโอบนช่องทางออนไลน์มากขึ้น ทำให้หลายๆสื่อหลักและพาร์ทเนอร์โฆษณาต่างๆ หันหน้ามาจับมือกับแพลตฟอร์มที่อยู่ในรูปแบบออนไลน์มากขึ้น ทั้งนี้ทาง YouTube ยังเน้นย้ำอีกว่า วิดีโอต่างๆบนแพลตฟอร์มของYouTubeมีให้เลือกหลากหลาย ทั้งให้ความบันเทิงและให้สาระความรู้ อยากให้ผู้ใช้งานเลือกรับชม และอาจจะเข้ามาร่วมแบ่งปันคอนเทนต์ หรือสร้างสรรค์เนื้อหาที่เป็นประโยชน์ให้กับสังคมต่อไปในอนาคตด้วย