ธุรกิจน้ำอัดลม หรือ น้ำหวานในบ้านเรานั้นต้องยอมรับเลยว่า เป็นธุรกิจที่ใหญ่มากเพราะมูลค่าการตลาดนั้นสูงถึง 50,000 ล้านบาท และตอนนี้ยักษ์ใหญ่ธุรกิจน้ำอัดลมทั้งหลายก็ตื่นตัวกันใหญ่ เพราะกำลังจะเตรียมรับน้องใหญ่ในวงการลงสู่ตลาด นั่นคือ กลุ่มเทสโก้ โลตัส ยักษ์ใหญ่ในธุรกิจค้าปลีกขอลงมาสู้ในสนามนี้ เพื่อมาแบ่งเค้กก้อนโตก้อนนี้ด้วย

เทสโก้ ขอเปิดตลาดธุรกิจน้ำอัดลม

     ต้องยอมรับเลยว่าธุรกิจน้ำอัดลมนั้นมีแต่แบรนด์ระดับโลก (Global Brand) ที่ขับเคี่ยวกันมา ซึ่งแน่นอน ‘โค้ก-เป๊ปซี่’ คือเทพในสนามนี้ 2 แบรนด์ดังที่เป็นคู่รักคู่แค้นในในตลาดน้ำอัดลมสีดำ ต่อมาก็มี ‘เอส’ แบรนด์น้ำดำของไทยของเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดีลงมาแข่งขันด้วย ซึ่งทาง ‘เอส’ นั้นก็สามารถตัดเค้กออกไปส่วนหนึ่งได้จากช่องทางที่เจ้าสัวเจริญสร้างไว้อย่างดีมาตั้งแต่ต้น จึงทำให้ ‘เอส’ บุกตลาดน้ำอัดลมสีดำนี้ได้ไม่ยากนัก

     นี่เป็นเจ้าหลักๆที่เรามองเห็นศักยภาพ แต่ก็อย่าลืมแบรนด์ธุรกิจน้ำอัดลมอีกจากอย่าง ‘บิ๊ก โคล่า’ อีกหนึ่งแบรนด์ธุรกิจน้ำอัดสีดำจากเปรูที่ขอเข้ามาสู้ตลาดสงครามการค้านี้ด้วย ซึ่งก็ทำได้ดี อีกหนึ่งแบรนด์ที่เรียกว่าเดินเกมอยู่เงียบๆ แต่ก็แบ่งส่วนตลาดออกไปได้ไม่น้อยเหมือนกันก็คือ ‘อาร์ซี โคล่า’ แบรนด์เก๋าเก่าแก่จากเมืองลุงแซมสหรัฐอเมริกา

     ตอนนี้กลุ่มเทสโก้(Tesco) ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่ในธุรกิจค้าปลีกและก็เคยมีประสบการณ์ในการทำน้ำดื่มสีดำของตนเองมาบ้างแล้วด้วย ขอแสดงตัวตนอีกด้านเพื่อบอกว่า ‘ข้าก็เป็นหนึ่ง’ ในเรื่องสงครามน้ำดำนี้เหมือนกัน แต่คราวนี้เทสโก้ไม่ขอทำน้ำดำ ขอบุกตลาด ‘น้ำสี’ เมื่อเลี่ยงการเผชิญหน้าแบบนี้ได้เทสโก้จึงขอลงมาสู้ในตลาดธุรกิจน้ำอัดลมด้วยอีกเจ้า

กลยุทธ์ที่กลุ่มเทสโก้เลือกใช้ในการเข้าสู่ตลาดธุรกิจน้ำอัดลม

     ต้องยอมรับกันว่าคนยุคใหม่ เริ่มใส่ใจในสุขภาพและการบริโภคกันมากขึ้น ‘เทรนด์สุขภาพ’ ได้รับความใส่ใจจากคนรุ่นใหม่แบบที่นักธุรกิจหลายคนก็คาดไม่ถึง ซึ่งเรื่องนี้แบรนด์ดังอย่างโค้กเคยถูกโจมตีมาหลายครั้งแม้ปัจจุบันก็ยังโดนอยู่ เพราะมีการสืบกันไปว่าโค้กเป็นน้ำอัดลมที่มีน้ำตาลอยู่สูงมาก ซึ่งดื่มไปนานๆย่อมส่งผลเสียต่อสุขภาพ ในหลายๆประเทศถึงมีมาตรการภาษีสำหรับเครื่องดื่มน้ำอัดลมที่มีน้ำตาลสูงเลยทีเดียว ใช้ภาษีมาควบคุมปริมาณน้ำตาลในน้ำอัดลม อย่างในอังกฤษก็เพิ่งมีกฎหมาย ภาษีความหวาน(Sugar Tax) ที่เริ่มบังคับใช้เมื่อต้นปีนี้ โค้กโดนโจมตีมากเข้า จึงเริ่มผลิต Coke Zero และ ก็ตามมาด้วยการกระตุ้นตลาดกับผลิตภัณฑ์ล่าสุดโค้กไม่มีน้ำตาล เรื่องนี้ไม่ใช่แค่แบรนด์โค้กอย่างเดียวที่ถูกโจมตี เครื่องดื่มน้ำดำและน้ำอัดลมแบรนด์ต่างๆก็ได้รับผลกระทบกันด้วย ทั้งหมดนี้ก็เพราะ ‘เทรนด์สุขภาพ’ ของผู้บริโภคนี่เอง ในขณะที่ฝั่งไทยบ้านเราเอง ภาครัฐก็เล็งเห็นประโยชน์ของภาษีความหวานด้วยเช่นกัน จึงเริ่มมีแนวคิดที่จะส่งเสริมให้ผู้ประกอบการพยายามปรับสูตรน้ำอัดลมของตนเองให้มีปริมาณน้ำตาลน้อยลง และก็ได้น้ำมาตรการภาษีเข้ามาช่วยด้วยโดยผู้ประกอบการธุรกิจน้ำอัดลมที่ปรับสูตรลดน้ำตาลต่ำกว่า 10 กรัมต่อเครื่องดื่ม 100 มล. จะได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมด้วย ในทางกลับกันถ้าไม่ปรับสูตร เมื่อรัฐเก็บภาษีหลังเดือนกันยายนปี 2562 จะมีบทลงโทษและเก็บภาษีในอัตราก้าวหน้าด้วย

     ‘เทรนด์สุขภาพ’ จึงเป็นทั้งจุดแข็งและจุดอ่อนในธุรกิจน้ำอัดลม ซึ่งกลุ่มเทสโก้จึงหยิบเอาสิ่งนี้มาเป็นกลยุทธ์ในการตีตลาด และ นับเป็นแนวคิดในการหลีกเลี่ยงที่จะชนปะทะซึ่งๆหน้ากับแบรนด์ยักษ์ๆสุดแข็งในตลาดนี้ด้วย เพราะตนเองไม่ทำน้ำดำ ทำแต่น้ำสี ซึ่งในตลาดน้ำอัดลมตอนนี้น้ำสีที่เน้นเรื่องสุขภาพยังไม่มีเจ้าไหนที่แน่นอนและมีความชัดเจน ไม่เพียงเท่านั้นกลุ่มเทสโก้ยังวางกลยุทธ์ต่อยอดไปมากกว่า ‘น้ำอัดลม’ อีกด้วย เพราะเทสโก้รู้ดีว่าน้ำอัดลมมีระยะเวลา อาจทำตลาดได้ช่วงหนึ่ง ซึ่งตนเองก็ไม่ได้อยู่ในธุรกิจน้ำอัดลมนี้เต็มตัวอยู่แล้ว เพียงแค่ต้องการลงมาตัดส่วนแบ่งในตลาดนี้ไปบ้างเท่านั้น เทสโก้มีความแข็งแกร่งในเรื่องค้าปลีกอยู่แล้วจึงต่อยอด ‘เทรนด์สุขภาพ’ ด้วยการผลักดันสินค้าบริโภคอาหารสด อาหารแห้ง อาหารบรรจุภัณฑ์ ที่เน้นเรื่องความสด สะอาด ถูกหลักอนามัยและดีต่อสุขภาพควบคู่ไปกับ ‘น้ำอัดลม’ เลยทันที

แกะกล่องดูน้ำอัดลมเทสโก้

open_tesco      เทสโก้ได้ใช้วิธีการ ‘ปรับสูตร’ จึงเดินเข้าสู่ธุรกิจน้ำอัดลมได้อย่างแนบเนียน เริ่มทำตลาดในอังกฤษมาตั้งแต่ปี 2559 มีสินค้าที่โดนใจลูกค้าอยู่หลายรายการทั้ง  Tesco Xero Cola, Tesco Orange Zero และ Tesco Diet Cola ทั้งหมดนี้ เทสโก้ใส่คำๆเดียวลงไปนั่นคือ ‘สุขภาพ’ ผลิตภัณฑ์ทุกรายการล้วนตอบโจทย์เรื่องสุขภาพของผู้บริโภคได้ดีทั้งสิ้น และก็ไม่ลืมเรื่องรสชาติที่จะต้องถูกปากผู้บริโภคด้วยอีกเช่นกัน

     โดยตอนนี้ผลิตภัณฑ์น้ำอัดลมแบรนด์เทสโก้ที่เป็นน้ำอัดลมสี มีทั้งสิ้น 4 รสชาติ ได้แก่ เลมอนไลม์, ส้ม, สตรอเบอร์รี่ และ ผลไม้รวม มี 2 ขนาดคือ 400 มิลลิลิตร (มล.) วางขายราคา 12 บาท และขนาด 1.25 ลิตร ราคา 19 บาท เน้นกลุ่มครอบครัวเป็นหลัก วางขายเฉพาะเทสโก้โลตัสเท่านั้น ที่น่าสนใจอีกประการก็คือ เทสโก้ได้ให้ SME ไทยรายหนึ่งเป็นผู้ผลิตให้ โดยรับเอาหัวเชื้อมาจากประเทศออสเตรเลียและอังกฤษ และนำมาศึกษาและพัฒนาโดยทีมงานของเทสโก้เพื่อทำการปรับสูตร จากนั้นก็จึงส่งให้บริษัทคนไทยรับไปผลิต ซึ่งเป็นจุดที่แสดงให้เห็นว่า SME ไทยเราก็มีศักยภาพ มีมาตรฐานและความปลอดภัยที่เทียบชั้นกับแบรนด์ดังๆในต่างประเทศได้

     แม้ตลาดธุรกิจน้ำอัดลมจะเป็นตลาดใหญ่ มีมูลค่าหมื่นล้านและมีแต่แบรนด์แข็งๆครอบครองตลาดอยู่ก็ตาม นั่นก็ไม่ได้หมายความหมาย SME ไทยจะไม่มีโอกาเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในธุรกิจนี้ ถ้าดูเฉพาะส่วนของตลาดธุรกิจน้ำอัดลมแบบไม่มีน้ำตาลหรือน้ำอัดลมเพื่อสุขภาพ ก็จะเห็นว่ามีส่วนแบ่งตลาดสูงถึงพันล้าน และก็มีแนวโน้มจะเติบโตขยายขึ้นไปอีกด้วย สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสัญญาณบ่งชี้ช่องทางการเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในตลาดของธุรกิจนี้ของ SME ไทยด้วย ลองมองช่องทางให้ดีเลือกกลยุทธ์ให้ถูกรักษคุณภาพมาตรฐานให้ได้โอกาสก็ใกล้เข้ามาแล้ว