มีหลายคนโด่งดังจากโลกออนไลน์ มีหลายคน “รวย” เพราะธุรกิจออนไลน์ และยังมีอีกหลายคนที่ยังไม่สามารถ “ใช้ประโยชน์” อะไรได้เลยจากโลกออนไลน์ ได้แต่นั่งเช็ค Facebook ดูข่าวสาร อิจฉาเพื่อนๆอัพรูปไปวันๆ แล้วคุณล่ะเป็นคนในกลุ่มไหน?

ธุรกิจออนไลน์     ปัจจุบันรูปแบบการทำธุรกิจ มีการเปลี่ยนแปลงไปมาก เพราะโซเชียลมีเดียเข้ามามีบทบาทในโลกมากขึ้น มีคนมากมายนั่งทำงานจากที่บ้าน บางคนสร้างธุรกิจของตัวเองขึ้นมาจากโลกออนไลน์กลายเป็นธุรกิจออนไลน์ที่ทำรายได้เป็นกอบเป็นกำ อย่างธุรกิจออนไลน์ที่ฮิตมากในตอนนี้ก็เป็นขายเครื่องสำอาง ขายกระเป๋าออนไลน์ ขายคอลลาเจน เหล่านี้เป็นต้น ด้วยธุรกิจออนไลน์เป็นรูปแบบการทำธุรกิจที่เริ่มต้นง่าย ลงทุนต่ำไม่ต้องเสียค่าเช่าพื้นที่ ไม่ต้องสต็อกสินค้ามาก ไม่ต้องจ้างพนักงานเยอะ ธุรกิจออนไลน์จึงเป็นอะไรที่ตอบโจทย์คนยุคใหม่ที่อยากรวย แต่ทว่าด้วยมันทำง่ายลงทุนน้อยนี่เองที่ทำให้ใครๆก็สามารถทำธุรกิจออนไลน์ได้ ในบ่อปลาบ่อนี้ไม่ได้มีแค่คุณนั่งตกปลาอยู่คนเดียวนะ มีคนอีกมากมายเป็นล้านๆที่ใช้ช่องทางออนไลน์ในการทำธุรกิจ แต่ละวันมีร้านค้าออนไลน์เกิดขึ้นอยู่ตลอด แต่คุณเชื่อไหมว่าส่วนใหญ่แล้วมีเพียงไม่กี่รายที่ประสบความสำเร็จกับการทำธุรกิจแบบออนไลน์  คุณคิดว่าตอนนี้คุณมีคอลลาเจนแบบเยี่ยมที่สุด และน่าจะนำมาออกขายออนไลน์ ไม่ต้องเปิดร้านไม่ต้องสต็อกออก มีออเดอร์ก่อนแล้วค่อยหาของส่งไป แต่คุณอย่าลืมนะว่า  คอลลาเจนทุกวันนี้มีอยู่มากมายหลายยี่ห้อและก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเลย อีกอย่างผู้ขายก็ขายผ่านทางออนไลน์ด้วย แล้วแบบนี้จะประสบความสำเร็จจึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

     ถ้าคุณอยากประสบความสำเร็จกับการทำธุรกิจในรูปแบบออนไลน์ คุณก็ต้องมาหาว่าอะไรที่ไม่เวิร์คสำหรับคุณบ้าง เราขอสรุปความล้มเหลวโดยส่วนใหญ่ที่ทำให้ธุรกิจออนไลน์ไปไม่ถึงฝั่งฝัน

1.ไม่ได้ตั้งใจทำจริงๆ

10-checklist-befor-start-ecommerce_04     อย่างที่กล่าวไปตอนต้นว่า ธุรกิจออนไลน์มันเริ่มต้นง่าย นั่นจึงทำให้คนที่คิดจะเข้ามาทำมองว่ามันไม่ต้องจริงจังมากก็ได้ ทำไปขำๆเล่นๆ ลงทุนนำเข้าคอลลาเจนมาสักนิดนึงแล้วลองปล่อยโปรโมทออกไปทางโซเชียล เดี๋ยวคนเห็นก็มาซื้อเอง แต่ในความเป็นจริงแล้วมันไม่ง่ายอย่างนั้นเลย นี่แค่เริ่มต้นแค่นี้คุณก็ผิดแล้ว

2.ไม่ได้ศึกษารายละเอียดและเทคนิคการใช้สื่อ

     เมื่อไม่นานมานี้เป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงกันอย่างมากเกี่ยวกับการปรับรูปแบบการแสดงฟีดข่าวในส่วนของ Facebook ที่ดูเหมือนจะไม่สนับสนุนการทำเพจอีกต่อไป เพจจะถูกปรับให้ผู้คนเห็นน้อยลง ดังนั้น การจะให้คนเห็นสินค้าของคุณ หรือโพสต์โปรโมชั่นขายคอลลาเจนของคุณ คุณก็จะต้องเสียเงินโฆษณากับ Facebook แพงขึ้น และการทุ่มงบโฆษณาแน่นอนว่าเป็นต้นทุนในการทำธุรกิจด้วย นี่คือรายละเอียดที่หลายคนลืมมองและศึกษาไป คุณต้องศึกษาให้เข้าใจด้วยว่าสื่อที่คุณใช้แต่ละช่องทางนั้นมีข้อจำกัดและรูปแบบแตกต่างกัน Line ก็แบบหนึ่ง Facebook ก็แบบหนึ่ง YouTube ก็อีกแบบ กลุ่มคนที่ใช้มีความแตกต่าง และแน่นอนว่าราคาค่าโฆษณาก็แตกต่างกันด้วย ต้องดูว่ากลุ่มลูกค้าของคุณส่วนใหญ่จะเห็นสื่อของคุณผ่านช่องทางไหน ขายคอลลาเจน อาจใช้ Facebook หรือ Line ได้ เพราะคงไม่สามารถไปทดลองให้ลุกค้าเห็นได้โดยตรง แต่ถ้าขายเครื่องสำอางก็ควรเลือกเป็น YouTube กับ Facebook live ประมาณนี้ สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่คุณจะพลาดและมองข้ามไม่ได้ สื่อและช่องทางต่างๆพัฒนาและเปลี่ยนแปลงอยู่เรื่อยๆอย่าเอาแต่ทุ่มงบลงไปแบบไม่ศึกษา

3.ขาดรูปภาพที่สวย

pexels-photo-230544-e1506328835817     อันนี้ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวข้องนะ แต่จริงๆแล้วเกี่ยวข้องกับการทำธุรกิจอย่างมาก ยิ่งธุรกิจออนไลน์ยิ่งมีผล ภาพที่สวยสามารถสื่อถึงความน่าเชื่อถือของสินค้าคุณได้ บางครั้งการถ่ายกันเองแบบบ้านๆ อาจจะได้ภาพที่ดูดีระดับหนึ่ง แต่ก็ยังเทียบกับคนที่ทำภาพสินค้าออกมาแบบมืออาชีพไม่ได้ อย่างคุณขายคอลลาเจน ถ้าทำรูปภาพแบบง่ายๆบ้านๆ หยิบกล่องผลิตภัณฑ์คอลลาเจนแล้วเอามือถือถ่ายรูปแล้วก็ใช้โพสต์เป็นภาพสินค้าตัวอย่างเลย บางทีผู้บริโภคเขาไม่ได้มองบวกเสมอไป เขากลับมองว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่หลอกลวง เป็นคอลลาเจนที่ไม่ผ่านอย.หรือเปล่า ซึ่งผิดกับคนที่ใช้รูปภาพที่สวยงาม แม้จะไม่ใช่ภาพสินค้าจริงๆเป็นภาพตัวอย่างเท่านั้น มีการแต่งเติมหรือขยายข้อความให้ผู้บริโภคเห็นชัดกลับดูน่าเชื่อถือและน่าซื้อมากกว่า ฉะนั้น คนที่พลาดกับธุรกิจออนไลน์ มาตกม้าตายเอาด้วยประเด็นง่ายๆแบบนี้ก็มีมากมายเลยทีเดียว

4.ขาดการสื่อสารที่ดี

     ลูกค้าสมัยนี้ละเอียดและใจร้อน สิ่งใดที่เขาอยากได้ อยากรู้และสงสัย คุณต้องตอบคำถามพวกเขาให้ได้เดี๋ยวนั้น มีมากมายที่ทำธุรกิจออนไลน์โดยขาดการสื่อสารและการปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า ลูกค้าถาม Inbox เข้ามา ข้ามวันคุณถึงจะตอบแบบนี้บอกได้เลย ร้อยทั้งร้อยเสียลูกค้าแน่นอน ฉะนั้นยุคนี้คุณต้องไว พร้อมที่จะพูดคุยกับลูกค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง บางทีก็ตั้งระบบตอบรับอัตโนมัติไว้ก็ได้ อย่างน้อยๆพวกเขาเห็นระบบตอบรับอัตโนมัติ ที่มีข้อความประมาณว่า “จะตอบกลับให้เร็วที่สุด” เขาก็ใจชื้นมากขึ้นแล้ว และทางที่ดีทุกสินค้า เวลาคุณโพสต์ลงไม่ว่าจะในช่องทางไหนก็ตาม พยายามใส่ Content รายละเอียดข้อมูลสินค้าไปให้ได้มากและละเอียดที่สุดเท่าที่จะทำได้ วิธีนี้จะช่วยทำให้คุณไม่ต้องคอยตอบคำถามลูกค้าตลอดทั้งวัน ถ้าลูกค้าเห็นว่าในเว็บ หรือโพสต์ขายที่เห็นมีรายละเอียดสินค้ามากพอ เขาก็จะดูและพิจารณาเองว่าจะซื้อหรือไม่โดยที่ไม่ต้องสอบถามกับเรา อย่างถ้าคุณขายคอลลาเจน ก็ควรจะต้องบอกว่า เป็นคอลลาเจนสกัดมาจากอะไร เป็นคอลลาเจนเม็ดหรือผง รับประทานแล้วช่วยให้ผลลัพธ์ด้านไหน ราคา ขนาด โปรโมชั่น ทุกอย่างที่คุณรู้และลงรายละเอียดได้ ใส่ลงไปให้หมด นี่เป็นช่องทางหนึ่งที่เสมือนเป็นการสื่อสารกับลูกค้าเช่นกัน

5.ขาดความสม่ำเสมอ

     การทำธุรกิจทุกอย่างไม่ว่าจะช่องทางไหนก็ตาม ความสม่ำเสมอเป็นเรื่องสำคัญ การโพสต์โซเชียลอย่างสม่ำเสมอ การอัพเดตข้อมูลสินค้าและราคาอยู่เสมอ สิ่งเหล่านี้มีผลต่อการตัดสินใจซื้อของลูกค้าทั้งสิ้น

6.ตั้งราคาไม่เหมาะสม

value-based-billing     เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน สินค้าบางอย่างตั้งราคาสูงเกินไป จึงขายได้ยากและในทางกลับกันสินค้าบางประเภทตั้งราคาต่ำกว่าท้องตลาดก็ขายไม่ออกอีก แน่นอนว่าคนส่วนใหญ่ชอบของถูก แต่ของถูกมักจะมีคำพ่วงท้ายต่อมาด้วยว่า “ไม่ดี” ของแพงสิดี ใช้แล้วมั่นใจ แล้วแบบนี้เราจะตั้งราคาอย่างไรดี ก็เอาง่ายๆว่า คิดถึงตัวเองเป็นคนใช้ ถ้าของแบบนี้ด้วยราคาเท่านี้ คุณยอมจ่ายไหม ถ้าคุณยอมจ่าย ยอมซื้อเพราะคิดว่าคุ้มค่า ก็ให้ตั้งราคานั้นไปได้เลย

7.ขาดการทำการตลาด

     การทำธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจออนไลน์หรือไม่ การทำการตลาดเป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้ ธุรกิจออนไลน์ก็เป็นการทำธุรกิจขอให้คุณอย่าลืมข้อนี้ และการทำธุรกิจไม่ใช่เรื่องที่จะทำเล่นๆ การจะทำการตลาดก็จะต้องมีต้นทุนเช่นกัน ถ้าทำเล่นๆคุณก็อาจจะทุนหมดโดยไม่รู้ตัว ฉะนั้น แม้จะเป็นธุรกิจออนไลน์เล็กๆก็ต้องมีการวางแผนการตลาดเอาไว้ด้วย

     ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ เป็นสิ่งที่คนทำธุรกิจออนไลน์ทุกคนต้องนำกลับไปพิจารณาอีกครั้ง ว่าคุณพลาดตรงไหน ขาดตรงไหนไป และควรแก้ไขอย่างไร ถ้าคุณรู้จุดบอดและแก้ไขได้ ไม่ว่าคุณจะจับธุรกิจออนไลน์แบบไหน หรือทำธุรกิจอะไรก็จะมีทางรอดไปได้เรื่อยๆ