เมื่อกระแสของ Cryptocurrency หรือเงินดิจิทัล อย่าง Bitcoin ได้รับความสนใจจากนักลงทุน หรือคนที่ต้องการทำกำไรเพิ่มรายได้ในแบบที่แตกต่าง ทำให้มีคนเข้ามาสนใจในการลงทุน Bitcoin กันมากขึ้น และนักลงทุนหน้าใหม่มักจะมีคำถามที่เหมือนๆกันว่า สนใจลงทุนบิทคอยน์เริ่มต้นอย่างไรดี ? ลงทุนกับบิทคอยน์มีความเสี่ยงมากไหม ? ครั้งนี้ เราจะมาไขคำตอบในเรื่องเหล่านี้กัน
Bitcoin มาจากไหน
มาปูพื้นฐานกับเรื่องบิทคอยน์กันอีกสักครั้ง Bitcoin เป็นสกุลเงินแบบดิจิทัล ว่ากันว่ากลุ่มโปรแกรมเมอร์ที่ใช้ชื่อว่า ซาโตชิ นากาโมโต้ (Satoshi Nakamoto) เป็นผู้สร้างสกุลเงินนี้ขึ้นมา โดยความต้องการที่จะให้เป็นสกุลเงินกลางของโลก เพื่อให้เกิดความยุติธรรมในการซื้อขายแลกเปลี่ยน เกิดความโปร่งใสในการตรวจสอบบัญชี ให้ปราศจากการฟอกเงิน และไม่ต้องทำธุรกรรมผ่านตัวกลางอย่างธนาคาร อันจะทำให้การซื้อขายแลกเปลี่ยนถ่ายเงินเงินตราเกิดความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น เพราะสามารถโอนเงินข้ามทวีปเสร็จเสร็จได้ภายในเวลาเพียง 15 – 30 นาทีเท่านั้น
Cryptocurrency กับ Bitcoin เกี่ยวข้องกันอย่างไร
อธิบายง่ายๆ ว่า บิทคอยน์เป็นส่วนหนึ่งของ Cryptocurrency คำว่า Cryptocurrency หมายถึงเงินดิจิตอลซึ่งเงินดิจิทัลในปัจจุบันนั้นมีราวๆ 2,000 สกุลเงิน บิทคอยน์เป็นแค่สกุลเงิน 1 ใน 2,000 สกุลเงินดิจิทัลเท่านั้น ฉะนั้น เมื่อเรากล่าวถึง Cryptocurrency จึงไม่ได้หมายถึงแค่บิทคอยน์แต่หมายรวมถึงสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆด้วย
Bitcoin ที่ถูกสร้างขึ้นมามีอยู่จำนวนเท่าไหร่
ผู้ที่สร้าง Bitcoin ขึ้นมาบอกเอาไว้ว่า เหรียญบิทคอยน์มีอยู่เพียง 21 ล้านเหรียญเท่านั้นและก็ไม่สามารถสร้างขึ้นมาได้อีก ซึ่งในปัจจุบันนี้มีผู้ครอบครองเหรียญบิทคอยน์ไปแล้วประมาณ 17 ล้านเหรียญ จึงทำให้ปัจจุบันค่าเงินของเหรียญบิทคอยน์มีมูลค่าสูงสุด และ คนที่กำลังสนใจก็ไม่ต้องกลัวหรือกังวลว่าเหรียญจะหมด เพราะตอนนี้เรามีเหรียญเงินดิจิทัลอื่นๆให้มาลงทุนแทนได้ แม้ว่าเหรียญเงินดิจิทัลอื่นๆ ราคาอาจจะยังไม่สูงเท่า บิทคอยน์ก็ตาม แต่ก็มีอนาคตอยู่เหมือนกันนะ
1 Bitcoin เทียบเป็นเงินไทยแล้วเท่ากับกี่บาท
ต้องบอกก่อนว่ามูลค่าของบิทคอยน์ก็มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ไม่ต่างอะไรกับค่าเงินที่เราใช้ๆกันอยู่ทุกวันนี้ แต่บิทคอยน์จะมีความผันผวนสูงกว่า มูลค่าจะขึ้นลงตามความต้องการของตลาด และการขึ้นลงจะมาแบบกระชากเลยทีเดียว อธิบายง่ายๆว่าช่วงไหนที่ตลาดCryptoมีความต้องการบิทคอยน์มากกว่าปริมาณบิทคอยน์ที่มีในระบบ ก็จะส่งผลให้มูลค่าบิทคอยน์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง แต่ช่วงไหนกระแสโลกเกิดเปลี่ยนแปลงมีสถานการณ์ไม่น่าไว้วางใจ มีก่อการร้ายและมีการเรียกค่าไถ่หรือให้โอนเงินสู่ตลาดมืดด้วยบิทคอยน์ ซึ่งคนในวงการเขาจะเรียกว่า Hard fork ช่วงนั้นความเชื่อมั่นในบิทคอยน์จะลดลง คนไม่อยากถือครองบิทคอยน์กันสักเท่าไหร่ จึงเทขายกันมาก นั่นก็จะทำให้มูลค่าของบิทคอยน์จะลดลงทันที และอาจลงอย่างกระชากแรงด้วยเช่นกัน
ฉะนั้น ในวันนี้(เขียนเมื่อ13 มิ.ย.61) มูลค่าของบิทคอยน์ จะอยู่ที่ 1 Bitcoin = 6,568 ดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นเงินไทยก็คือ 210,176 บาท แต่ถ้ามาดูวันถัดไปราคาอาจจะสูงขึ้นกว่านี้อีกหลายเท่าหรืออาจจะลดลงมากจนน่าใจหายก็ได้เหมือนกัน จึงขอย้ำว่า Bitcoin มีความผันผวนสูงมาก ถ้าสนใจจะลงทุนหรือเป็นนักเก็งกำไรก็ต้องศึกษาพิจารณาให้ดี เพราะมีความเสี่ยงสูง
Bitcoin เล่นอย่างไร ทำอย่างไรถึงจะได้เหรียญ Bitcoin
ปัจจุบันการได้มาของบิทคอยน์นั้นสามารถแบ่งออกมาได้เป็น 3 รูปแบบดังนี้คือ
1.การขุดBitcoin (Mining)
ตรงนี้ต้องอธิบายกันนิดนึง Bitcoin เป็นเหรียญเงินดิจิทัลที่ถูกสร้างขึ้นโดยการเข้ารหัสสมการทางคณิตศาสตร์เป็นอัลกอริทึ่มแบบหนึ่ง ซึ่งรันหรือทำงานอยู่บนเทคโนโลยี Blockchain ฉะนั้นจะเข้าถึงบิทคอยน์ซึ่งเป็นรหัส Code ก็ต้องใช้วิธีการแก้สมการทางคณิตศาสตร์หรือการถอดรหัส Code เหล่านั้น ใครถอดได้ก็จะได้เหรียญบิทคอยน์ไปครอบครองนั่นเอง ซึ่งการจะมาถอดรหัสหรือแก้สมการทางคณิตศาสตร์ชุดนี้ซึ่งมีอยู่ 21 ล้านชุด ก็จะต้องใช้คอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยประมวลผล ใหม่ๆการถอดรหัสนี้ไม่ยากนัก เพราะยังไม่มีใครสนใจการถอดรหัสจึงเป็นเรื่องที่ค่อยๆทำกันไปก็ได้ คอมพิวเตอร์ที่สเปคกลางๆตัวเดียวก็เอาอยู่ แต่ปัจจุบันรหัสเหล่านี้ถูกแก้ไปได้กว่า 17 ล้านชุดแล้ว ทำให้บิทคอยน์เหลือน้อยลงรหัสจึงแน่นหนาและซับซ้อนขึ้นตามกลไกสมการทางคณิตศาสตร์ คือ
สมการแรกๆ รหัสอาจจะเข้าไว้ง่ายๆ ไม่ซับซ้อน ยกตัวอย่างเช่น
สมการที่ 1 x + y = c
สมการที่ 2 c + g + z – a = b
สมการที่ 3 b x r + a + g x c = v
นี่เป็นการยกตัวอย่างให้พอเข้าใจเท่านั้น จริงๆแล้วอัลกอริทึ่มที่ถูกเข้ารหัสไว้ จะเป็นรหัสเลขฐานสองแบบรหัสCode คอมพิวเตอร์ที่เราเห็นๆกัน คือ 01 00 01 10 ประมาณนี้ จะเห็นได้ว่าโจทย์จะยาวขึ้น สมการจะซับซ้อนขึ้น ยิ่งรหัสที่อยู่หลังๆก็จะยิ่งแก้ยากขึ้นนั่นเอง เมื่อสมการแก้ยากขึ้นคอมพิวเตอร์ที่จะมาใช้ประมวลผลถอดรหัสก็ต้องทำงานหนักขึ้น และต้องใช้เวลานานขึ้นกว่าจะประมวลผลการแก้สมการเสร็จ ทำให้ใครมีคอมพิวเตอร์หรือการ์ดจอแรงๆก็จะได้เปรียบตรงนี้ เพราะสามารถที่จะประมวลผลแก้รหัสสมการได้เร็วขึ้นนั่นเอง ตรงนี้จึงเป็นที่มาว่าทำไมคนแห่ซื้อการ์ดจอจนหมดตลาด เพราะต้องการนำมาขุดเหรียญหรือถอดรหัสเพื่อให้ได้เหรียญบิทคอยน์
2.การเทรด Bitcoin
ก็คล้ายๆ กับการเทรดหุ้นหรือการเทรดค่าเงิน คือ เราจะต้องเอาเงินของเราคือเงินบาทไปซื้อเหรียญบิทคอยน์ มาโดยตรงและเก็บเข้ากระเป๋าของเรา(Wallet Bitcoin) ก็เหมือนเราเอาเงินไปซื้อหุ้นหรือทองนั่นเอง อย่างทองรูปพรรณน้ำหนัก 1 บาทราคาตอนนี้อยู่ที่ 20,250 บาท เราก็จะต้องเอาเงินสด 20,250 บาท ไปซื้อมาเก็บ สำหรับเหรียญบิทคอยน์ก็เป็นเช่นนั้นไม่ต่างกัน ช่วงไหนราคาเหรียญ Crypto ลงหรือเหรียญบิทคอยน์ราคาลงก็ซื้อเก็บไว้ พอราคาขึ้นก็ขายออกคุณก็จะได้กำไร ซึ่งการเทรดหรือการซื้อขายเหรียญ Crypto นี้คุณสามารถทำผ่านเว็บไซต์ผู้ให้บริการอย่าง bx.in.th หรือ bitcoin.co.th ซึ่งเว็บไซต์เหล่านี้เป็นเว็บที่เชื่อถือได้ เปิดเป็นรูปแบบบริษัทดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการเทรดบิทคอยน์ชัดเจน และทางธนาคารแห่งประเทศไทยให้การรับรองว่าปลอดภัยเชื่อถือได้ ดำเนินธุรกิจอย่างถูกต้อง
3.เล่มเกมกับเว็บไซต์แจก Bitcoin ฟรี
รูปแบบสุดท้ายนี้เป็นวิธีที่ง่ายที่สุด แต่ต้องบอกว่ากว่าจะได้แต่ละเหรียญเล่นเอาหืดจับ บางคนท้อแท้กันเลยทีเดียว อย่างที่ทราบโลกนี้ไม่มีของฟรีจริงๆหรอก ทุกอย่างต้องลงแรงแลกมาทั้งนั้น เว็บไซต์เหล่านี้จะให้คุณสมัครเปิดบัญชี Wallet เพื่อเป็นกระเป๋าสตางค์เอาไว้เก็บเงินบิทคอยน์ บางเว็บไซต์ก็จะมีภารกิจหรือเกมให้เล่นได้คุณก็จะได้บิทคอยน์เป็นค่าตอบแทน เว็บเหล่านี้แจกกันเป็นรายชั่วโมงเลยทีเดียว ปกติแล้วภายใน 24 ชั่วโมงก็จะได้รับเงินเข้า Wallet แต่ปัญหาคือมีหลายเว็บไซต์ที่หลอกหลวงไม่จ่ายจริง วิธีการดูว่าเว็บไหนหลอกลวงหรือไม่ก็ให้คุณลองสมัครเปิดบัญชีและทำตามที่เขาบอกไปก่อน ถ้าเล่นแล้วรอดูว่าเงินเข้า Wallet มากเว็บจะมีแต่ตัวเลขพอจะถอนถอนไม่ได้ แต่ละเว็บจะมีจำนวนเงินขั้นต่ำในการถอนบอกไว้ ถ้าคุณเล่นจนได้เงินขั้นต่ำของเขาแล้ว ก็ลองกดทอนออกมาเลย ถ้า 3 – 5 วันแล้วคุณยังถอนไม่ได้ก็แสดงว่าเงินไม่เข้าเว็บไซต์นั้นหลอกลวงแน่นอน แต่สำหรับเว็บไซต์ที่ไม่หลอกลวงและเป็นที่นิยมก็คือ freebitco.in, freedoge.co.in แต่โดยส่วนตัวแล้วทางเราไม่แนะนำวิธีการนี้ เพราะได้เหรียญน้อยมาก ไม่คุ้มกับค่าแรงและเวลาที่เสียไป (ถ้าเอาค่าไฟมานั่งคิดด้วยยิ่งไม่คุ้มใหญ่เลย) หากใครเป็นมือใหม่ไม่อยากเสี่ยงมาก วิธีนี้ก็เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคนที่ต้องการเริ่มต้นทำความคุ้นเคยกับ Cryptocurrency
ทั้งหมดนี้คือแนวทางสำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นเข้ามาสู่วงการการลงทุนกับ Bitcoin และ Cryptocurrency ขอย้ำอีกครั้งว่าการลงทุนทุกอย่างมีความเสี่ยง ไม่ว่าคุณจะตัดสินใจอย่างไร ศึกษาให้ดีก่อนเสมอ