การสร้างความสัมพันธ์ในที่ทำงานหลายคนอาจจะคิดว่าจุดเริ่มต้นต้องอยู่ที่รูปร่างหน้าตา ความจริงแล้วไม่ได้เป็นเช่นนั้นทั้งหมด จริงอยู่ว่ารูปร่างหน้าตาเป็นสุดแรกที่ทำสร้างความประทับใจให้คนรู้สึกว่าอย่างเข้ามาสร้างความสัมพันธ์ แต่ทว่ารูปร่างหน้าตาไม่ว่าจะสวยหล่อขนาดไหน ก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่บ่งบอกและชี้ชัดเสมอไปว่า คนในที่ทำงานจะชอบคุณ หากว่าคุณมีดีแต่หน้าตา แต่ไม่มีราคาใน ‘การพูด’
ชีวิตการทำงานไม่ว่าจะในบริษัทหรือร้านค้า สิ่งสำคัญที่มากกว่ารูปร่างหน้าตาและสายตาก็คือ เรื่องของ ‘การพูด’ หน้าตาดี แต่การใช้คำพูดที่พูดออกมาหรือน้ำเสียงที่ใช้ในการสนทนาไม่น่าฟัง ก็อาจทำให้คุณกลายเป็นคนที่ขี้เหร่ที่สุดในโลกได้เลยทีเดียว และยิ่งชีวิตในการทำงานยิ่งไม่มีศิลปะในการพูด ใช้น้ำเสียงไม่ถูกกาลเทศะยิ่งเสี่ยงต่อการผิดใจและสร้างความรังเกียจให้กับเพื่อนร่วมงานรวมถึงเจ้านายด้วย คำพูดและน้ำเสียงที่สื่อออกมาระหว่างที่พูดนั้นเป็นเรื่องสำคัญต่อการสร้างความประทับใจและการสร้างความสัมพันธ์ในที่ทำงาน การพูดโดยขาดศิลปะในการพูด ใช้คำพูดไม่น่าฟัง น้ำเสียงไม่รื่นหูสามารถทำให้คุณ “ไร้เสน่ห์” ได้อย่างง่ายดาย หากคุณสักแต่พูดตามใจฉัน พูดโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง การพูดของคุณจะกลับมาทำร้ายคุณเองโดยไม่รู้ตัว นอกจากจะไม่สร้างความประทับใจให้กับเพื่อนร่วมงานและเจ้านายแล้ว ยังถือว่าเป็นการทำลายการสร้างความสัมพันธ์ในที่ทำงานด้วย เพราะบางทีคำพูดของคุณอาจไปสร้างความเกลียดชัง สร้างความขุ่นเคืองกันในที่ทำงาน อาจจะเป็นคุณโดยตรง หรืออาจะเป็นระหว่างเพื่อนร่วมงานในทีมคนอื่นๆ ลองดูคำพูดนี้
เธอโง่เกินไปหรือเปล่า งานแค่นี้ทำไม่ได้ ถือว่ามาทำงานแบบเปลืองเงินเดือนของบริษัทแท้ๆ
ผู้พูด ซึ่งอาจเป็นเพื่อนร่วมงานในทีม หัวหน้าแผนก หรือเจ้านายที่เป็นผู้บริหารบริษัท พูดประโยคนี้ที่เต็มไปด้วยความสมเพชเวทนา และดูหมิ่นคุณเหลือเกิน ซึ่งทันทีที่ได้ยินคุณก็รู้สึกตัวเองทันทีว่าคุณดูโง่เง่าที่สุดในสายตาเขา แล้วต่อมาลองถามตัวเองดูสิว่า ความรู้สึกของคุณจะเป็นอย่างไร
- คุณอาจจะเสียใจ พร้อมๆกับเสียความมั่นใจในตัวเอง ไม่ช้าเมื่อความเสียใจทวีมากขึ้น คุณก็อาจจะก้มหน้าน้ำตาไหล เพราะรู้สึกโดนทำร้ายจิตใจอย่างรุนแรง และคุณอาจจะรู้สึกว่าการสร้างความสัมพันธ์ในที่ทำงานกับเจ้าของคำพูดนี้คงต้องจบกันแค่นี้ หรือ
- คุณอาจถึงจุดเดือดในอารมณ์ โมโหและเปิดฉากปะทะคารมกับอีกฝ่ายอย่างถึงพริกถึงขิงให้แตกหักกันไปข้างหนึ่ง และเช่นกันถ้าเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น การสร้างความสัมพันธ์ในที่ทำงานกับเจ้าของคำพูดนี้คงต้องจบกันแค่นี้ เพราะถ้ามีปากเสียงกัน ต่อไปคงมองหน้ากันไม่ติดแล้ว
ขอให้คุณสังเกตว่าไม่ว่าคุณจะมีปฏิกิริยาตอบกลับการพูดจาเสียดแทงของคนๆนั้นแบบไหน ผลที่เกิดขึ้นมาตามจะมีจุดที่เหมือนกันอยู่จุดหนึ่งคือ การสร้างความสัมพันธ์ในที่ทำงานกับคนๆนั้นต้องสิ้นสุดลง และไม่แน่ว่าอาจจะส่งผลกระทบไปถึงเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆด้วย หากคนอื่นๆ ไม่ได้เห็นด้วยกับคุณอยู่แล้ว นี่จึงเป็นตัวอย่างที่ต้องการยกขึ้นมาให้เห็นถึงความสำคัญของศิลปะในการพูด ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้ชีวิตการทำงานของคุณมีความสุขมากขึ้น
อยากให้คุณสังเกตสักหน่อย คุณจะเห็นว่าคนที่มีเสน่ห์น่าหลงใหล ใครได้รู้จักได้พูดคุยแล้วก็อยากอยู่ใกล้ มักเป็นคนที่มีเสน่ห์ในการพูด ลองมองไปที่ทำงานของคุณดูสิ เราเชื่อว่าต้องมีสักคนล่ะที่เป็นเช่นนั้น เขาหรือเธอคนนั้น อาจมีการพูดด้วยถ้อยคำที่หวานหู สุภาพ มีน้ำเสียงที่น่าฟัง บางทีคนฟังสัมผัสได้เลยว่าคำพูดที่เขาใช้ดูเป็นมิตรมาก หรือเขาอาจจะเป็นคนที่มักพูดอะไรตลกๆ หาเรื่องตลกมาเล่า หรือมีมุขให้คนฟังในฮาตลอดเวลา สิ่งเหล่าถือว่าเป็นศิลปะในการพูดของคนๆนั้น เป็นวิธีการสร้างความสัมพันธ์ในที่ทำงานที่เขาหรือเธออาจะรู้ตัวหรือไม่ก็ได้(บางคนมีนิสัยการพูดแบบนี้โดยธรรมชาติ) แต่นั่นล่ะคุณเห็นไหมคุณยังชอบเลย คนอื่นๆทำไมจะไม่ชอบล่ะจริงไหม
เมื่อคุณอยากให้คนในที่ทำงานรู้สึกประทับใจและให้การสร้างความสัมพันธ์ในที่ทำงานระหว่างคน Gen ต่างๆเป็นไปอย่างราบรื่น ก็จำเป็นที่คุณจะต้องเรียนรู้และมีศิลปะในการพูด คุณต้องรู้จักเลือกใช้คำพูด และฝึกการใช้น้ำเสียงในการพูดด้วย สิ่งเหล่านี้ฝึกหัดกันได้
คำพูดของคนก็เหมือนหน้าตา ใบหน้าของเราตกแต่งให้สวยงามได้ แม้ร่างกายยังสามารถหาเสื้อผ้าสีสันสดใสและดูสวยมาสวมใส่ได้ แล้วทำไมคำพูดของเราจะตกแต่งและหาคำดีๆมาสวมใส่ไม่ได้ล่ะ
ขอให้คุณอย่าลืม การสร้างความสัมพันธ์ในที่ทำงานคำพูดเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้ความสัมพันธ์นั้นๆราบรื่น อย่าไปลงทุนกับเสื้อผ้าหน้าผมที่ราคาแพงเพื่อให้บุคลิกชวนมองเลย ถ้าคุณไม่เคยคิดที่จะลงทุนตกแต่งการพูดของคุณให้งดงามดูดีและมีศิลปะ ชวนฟัง และสามารถสร้างความประทับใจให้ผู้ฟังได้ การลงทุนของคุณก็ถือว่าไม่มีความหมายใดๆเลย นี่แหละเทคนิคง่ายๆที่จะทำให้คุณมีความสุขมากขึ้นในที่ทำงาน